| บาทพระคาถาว่า น ลิมฺปติ ทิฏฺสุเตสุ ธีโร ความว่า ผู้นั้น |
| บรรลุแล้วซึ่งพระอรหัต โดยลำดับอย่างนี้ ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ เพราะถึง |
| พร้อมด้วยความเพียร ย่อมไม่ติดอยู่ในธรรมทั้งหลาย ที่ตนเห็นแล้วและฟัง |
| แล้วด้วยการติดอย่างใดอย่างหนึ่ง. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ให้เทศนาจบลงด้วยธรรมเทศนา ที่เป็นบุคลา- |
| ธิษฐาน อย่างเดียวก็หามิได้ แต่ให้จบลงด้วยยอดคือพระอรหัตทีเดียวว่า |
| บุคคลนั้นย่อมไม่คิดในธรรมทั้งหลาย ทั้งที่เห็น ทั้งที่ได้ฟัง และในธรรม |
| ทั้งหลาย ทั้งที่ตนทราบและได้รู้ จึงเป็นผู้ถึงแล้วซึ่งความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง |
| โดยแท้. |
| ต่อจากนี้ไปพระธรรมสังคีติกาจารย์ ได้กล่าว ๒ พระคาถาว่า |
| อิจฺเจตมตฺถํ ดังนี้เป็นต้น. |
| ผู้ศึกษาพึงทราบ เนื้อความแห่งพระคาถานั้น ดังต่อไปนี้ :- |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่ากัสสปะ ได้ตรัสบอก คือตรัส |
| เนื้อความนี้ให้พิสดาร ด้วยเทศนาที่เป็นธรรมาธิษฐาน และที่เป็นบุคลา |
| ธิษฐานด้วยคาถาเป็นอเนกบ่อย ๆ จนกระทั่งดาบสนั้น ได้ทราบชัดดัง |
| พรรณนามาฉะนี้. |
| สามบทว่า นํ เวทยิ มนฺตปารคู ความว่า ก็ติสสพราหมณ์ |
| แม้นั้น ผู้ถึงซึ่งฝั่งแห่งมนต์ คือผู้ถึงฝั่งเเห่งเวท ได้ทราบคือได้รู้ ซึ่งเนื้อความ |
| นั้น. |
| ถามว่า เพราะเหตุไร ? |