| โดยการล่วงไป เพียง ๒-๓ วันเท่านั้น ก็ได้บรรลุสาวกบารมีญาณ ได้เป็น |
| อัครสาวก ชื่อว่า ติสสะ. (สาวกที่สองของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น) |
| ชื่อว่า ภารทวาชะ. พระผู้มีพระภาคเจ้า (กัสสปะ) พระองค์นั้น จึงมีคู่ |
| แห่งพระสาวก มีชื่อว่า ติสสะ และ ภารทราชะ ด้วยประการฉะนี้ |
| ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้า แห่งเราทั้งหลาย ทรงนำพระคาถา ๑๔ พระ |
| คาถาแม้ทั้งสิ้น ที่ติสสพราหมณ์กล่าว ในตอนต้น ๓ คาถา ที่พระผู้มีพระภาค- |
| เจ้า ทรงพระนามว่า กัสสปะ ตรัส ในท่ามกลาง ๙ คาถา และที่พระสังคีติ- |
| กาจารย์ทั้งหลาย กล่าวในที่สุด ๒ คาถา ในกาลครั้งนั้น (พระองค์) ทรง |
| กระทำให้บริบูรณ์แล้ว ทรงพยากรณ์กลิ่นดิบแก่ดาบส ๕๐๐ มีอาจารย์เป็น |
| ประธาน อันชื่อว่า อามคันธสูตร นี้. |
| พราหมณ์อามคันธะนั้น ครั้นสดับพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ก็มีใจ |
| อ่อนน้อมเหมือนอย่างที่กล่าวแล้วนั้นแหละ ถวายบังคมที่พระบาทของพระผู้มี- |
| พระภาคเจ้า (โคตมะ) ทูลขอบวชพร้อมกับ ด้วยบริษัท (ของตน) พระผู้มี- |
| พระภาคเจ้า ได้ตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นภิกษุมาเถิด ดาบสเหล่านั้น |
| ถึงความเป็น เอหิภิกขุ เหมือนอย่างนั้นนั่นแหละ เป็นดุจพระเถระมีพรรษา |
| ตั้งร้อยมาทางอากาศถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยเวลา ๒-๓ วัน เท่านั้น |
| ทุกท่านก็ได้ประดิษฐานอยู่ในพระอรหัต อันเป็นผู้ที่เลิศ ดังนี้แล. |
| การพรรณนาอามคันธสูตร แห่งอรรถถาขุททกนิกาย |
| ชื่อปรมัตถโชติกา จบ |