๑๑๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๑๓
โดยการล่วงไป  เพียง ๒-๓ วันเท่านั้น      ก็ได้บรรลุสาวกบารมีญาณ   ได้เป็น
อัครสาวก  ชื่อว่า   ติสสะ.   (สาวกที่สองของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น)
ชื่อว่า   ภารทวาชะ.   พระผู้มีพระภาคเจ้า   (กัสสปะ)  พระองค์นั้น   จึงมีคู่
แห่งพระสาวก  มีชื่อว่า  ติสสะ  และ  ภารทราชะ  ด้วยประการฉะนี้
         ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้า   แห่งเราทั้งหลาย  ทรงนำพระคาถา ๑๔ พระ
คาถาแม้ทั้งสิ้น  ที่ติสสพราหมณ์กล่าว  ในตอนต้น   ๓ คาถา ที่พระผู้มีพระภาค-
เจ้า  ทรงพระนามว่า  กัสสปะ ตรัส  ในท่ามกลาง  ๙  คาถา   และที่พระสังคีติ-
กาจารย์ทั้งหลาย  กล่าวในที่สุด  ๒  คาถา   ในกาลครั้งนั้น     (พระองค์)  ทรง
กระทำให้บริบูรณ์แล้ว     ทรงพยากรณ์กลิ่นดิบแก่ดาบส   ๕๐๐  มีอาจารย์เป็น
ประธาน  อันชื่อว่า  อามคันธสูตร   นี้.
         พราหมณ์อามคันธะนั้น     ครั้นสดับพระธรรมเทศนานั้นแล้ว    ก็มีใจ
อ่อนน้อมเหมือนอย่างที่กล่าวแล้วนั้นแหละ  ถวายบังคมที่พระบาทของพระผู้มี-
พระภาคเจ้า  (โคตมะ)  ทูลขอบวชพร้อมกับ  ด้วยบริษัท (ของตน) พระผู้มี-
พระภาคเจ้า     ได้ตรัสว่า    ท่านทั้งหลายจงเป็นภิกษุมาเถิด    ดาบสเหล่านั้น
ถึงความเป็น   เอหิภิกขุ   เหมือนอย่างนั้นนั่นแหละ   เป็นดุจพระเถระมีพรรษา
ตั้งร้อยมาทางอากาศถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า   โดยเวลา  ๒-๓ วัน เท่านั้น
ทุกท่านก็ได้ประดิษฐานอยู่ในพระอรหัต   อันเป็นผู้ที่เลิศ    ดังนี้แล.
                   การพรรณนาอามคันธสูตร  แห่งอรรถถาขุททกนิกาย
                                     ชื่อปรมัตถโชติกา  จบ
หน้า ๑๑๒