| กาลที่ตนหิว อธิฐานองค์อุโบสถทั้งหลาย แล้วเจริญพรหมวิหาร ๔ อยู่ ชื่อ |
| ว่า อสฺสมุฏฺิกา ดาบสจำพวก อสฺสมุฏฺิกา เหล่านั้น ดีกว่าดาบสจำพวก |
| อนคฺคิปกฺกิกา |
| พวกดาบสผู้ไม่ถือก้อนหินเท่ากำมือเป็นต้น ใช้ฟันแทะซึ่งเปลือกไม้ |
| จากต้นไม้ที่ประสบเข้าในเวลาหิว อธิษฐานองค์อุโบสถ เจริญพรหมวิหารอยู่ |
| ชื่อว่า ทนฺตลุยฺยกา ดาบสจำพวก ทนฺตลุยฺยกา เหล่านั้น ดีกว่าดาบส |
| จำพวก อสฺสมุฏฺิกา. |
| พวกดาบสซึ่งอาศัยสระที่เกิดเอง (เช่นหนองบึงเป็นต้น) หรือไพรสณฑ์ |
| อยู่ รากไม้อันใดมีรากแห่งภิงสะ (เหง้าบัว) เป็นต้น ซึ่งมีอยู่ในสระนั้น หรือ |
| ไม้อันใด ซึ่งมีอยู่ในเวลามีดอกในราวป่า หรือผลไม้อันใดซึ่งมีอยู่ในราวป่า |
| ในเวลามีผล ก็เคี้ยวกินรากดอกและผลนั้นนั่นเอง เมื่อดอกและผลไม่มี ก็ |
| เคี้ยวกินโดยที่สุดแม้สะเก็ดของต้นไม้ในราวป่านั้น แต่ก็ไม่ยอมไปในที่อื่น |
| เพื่อประโยชน์แก่อาหารเลย ได้กระทำการอธิฐานองค์อุโบสถ และเจริญ |
| พรหมวิหารอยู่ ชื่อว่า ปวตฺตผลิกา ดาบสจำพวก ปวตฺตผลิกา เหล่านั้น |
| ดีกว่าดาบสจำพวก ทนฺตลุยฺยกา. |
| พวกดาบสที่เคี้ยวกินใบไม้ที่ตกที่พื้นดินอย่างเดียว ชื่อว่า วณฺฎ- |
| มุตฺตกา คำที่เหลือเป็นเช่นกับในก่อนนั้นเอง ดาบสจำพวก วณฺฎมุตฺตกา |
| เหล่านั้นประเสริฐกว่าดาบสทุกจำพวก. |
| ส่วนพราหมณ์กุลบุตรนี้ดำริว่า เราจักบรรพชา บรรพชาที่เลิศใน |
| บรรดาดาบสพรรพชาทั้งหลาย (การบวชเป็นดาบสทั้งหลาย) ดังนี้แล้วก็ |