๑๒๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๒๓
         เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า     บุคคลย่อมทำซึ่งความปราโมชด้วยการ
กระทำฐานะใด   เหตุนั้นการการทำฐานะนั้นชื่อว่า    ปามุชฺชกรณํ    เหตุที่
กระทำซึ่งความปราโมทย์.
         บทว่า   €านํ   ได้แก่  เหตุ   (ที่กระทำความปราโมทย์).
         ถามว่า   ก็เหตุนั้นคืออะไร  ?
         ตอบว่า   เหตุนั้นคือความเพียร    จริงอยู่     ความเพียรท่านเรียกว่า
ตัวสร้างความปราโมทย์   เพราะยังปิติปราโมทย์และความสุขที่อิงอาศัยธรรมให้เกิด
ขึ้น     เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย      ในธรรมวินัยอันเรา
กล่าวไว้ดีแล้วนี้    ผู้ใดปรารภความเพียรผู้นั้นย่อมอยู่เป็นสุข    บุคคลย่อมนำมา
ซึ่งความสรรเสริญตัวเหตุใด   เหตุนั้น   ชื่อว่า  ปสํสาวหนํ  เหตุนำมาซึ่งความ
สรรเสริญ.
         ผลานิสงส์ที่หวังอยู่ย่อมยังผลอันเป็นสุขให้เจริญ  คือ ให้วัฒนาด้วย
อุปจารแห่งผล     เพราะนำมาซึ่งทิพยสุขและมนุษยสุขตั้งแต่ต้น    (และ)   นำมา
ซึ่งนิพพานสุขในที่สุด.
         บาทพระคาถาว่า   วหนฺโต    โปริสํ  ธุรํ  ความว่า   ถือเอาซึ่งภาระ
อันสมควรแก่บุรุษอยู่      ชื่อว่าทำฐานะ   กล่าวคือความเพียรอันเป็นสัมมัปปธาน
ให้เจริญ.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงวิสัชนาปัญหาที่  ๓  อย่างนี้ว่า     "ควร
เสพความพยายามเช่นไร"  ดังนี้แล้ว  เพื่อทรงวิสัชนาปัญหาที่  ๔  จึงตรัสคาถาว่า
ปวิเวกรสํ   เป็นต้น.
         บรรดาบทเหล่านั้น  บทว่า  ปวิเวโก ความว่า ผลอันเลิศท่านเรียกว่า
รสแห่งวิเวกนั้น   เพราะเกิดแต่ความสงัดจากกิเลส     ผลอันเลิศซึ่งสัมปยุตด้วย
วิเวกนั้น  ชื่อว่า  สุข  เพราะอรรถว่า  ชื่นใจ.
หน้า ๑๒๒