๑๒๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๒๔
         บทว่า  อุปสมสฺส  เป็นต้น   ความว่า  ผลอันเลิศนั้นนั่นเอง   ชื่อว่า
รสแห่งธรรมปีติ    เพราะเกิดขึ้นแล้วในที่สุดแห่งความสงบกิเลส    หรือเพราะ
เป็นอารมณ์แห่งความสงบ   กล่าวคือพระนิพพาน   เพราะเหตุนั้นบุคคลดื่มแล้ว
ซึ่งผลอันเลิศนั้นนั่นเอง    คือซึ่งรสแห่งวิเวกนั้น      และซึ่งรสแห่งความสงบนั้น
เพราะเป็นรสแห่งปีติที่เกิดขึ้นแล้วแต่อริยธรรม     หรือเกิดขึ้นแล้วในธรรม
กล่าวคือพระนิพพาน   ชื่อว่าดื่มอยู่ซึ่งรสแห่งธรรมปีติ  เป็นผู้ไม่มีความกระวน-
กระวาย   ไม่มีบาป    แม้ดื่มแล้วก็หมดความกระวนกระวาย    เพราะไม่มีความ
กระวนกระวายแห่งกิเลส    แม้ดื่มอยู่ก็ชื่อว่าไม่มีบาป   เพราะคนละบาปได้แล้ว
เพราะฉะนั้น    ผลอันเลิศคือรสแห่งวิเวกนี้   จึงเลิศกว่ารสทั้งหลาย.
         แต่อาจารย์บางพวกประกอบว่า  ธรรมเหล่านี้คือธรรม ๓ อย่าง   มีรส
แห่งวิเวกเป็นต้นนั้นเอง   ด้วยสามารถแห่งฌาน   นิพพาน   และปัจจเวกขณะ
และด้วยสามารถแห่งกายวิเวก   จิตตวิเวก  และอุปธิวิเวก.   บทก่อนนั้นแลดี.
         ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อทรงวิสัชนาปัญหาที่   ๔   อย่างนี้   ชื่อว่ายัง
เทศนาให้จบลงด้วยยอดคือพระอรหัต.
         ในที่สุดแห่งเทศนา      พราหมณ์ได้บรรพชาในสำนักของพระผู้มี-
พระภาคเจ้า   โดยวันเล็กน้อยเท่านั้น    ก็ได้เป็นพระอรหันต์ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา
ดังนี้แล.
                     จบการพรรณนาหิริสูตร  ในอรรถกถาขุททกนิกาย
                                          ชื่อปรมัตถโชติกา
หน้า ๑๒๓