๑๒๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๒๘
         ครั้งนั้น    ชายคนหนึ่งชื่อว่า  ทิฏฐมังคลิกะ   พูดว่า   ข้าพเจ้าย่อมรู้จัก
มงคล  สิ่งที่เห็นแล้ว    ชื่อว่า  เป็นมงคลในโลก  รูปที่สมมติกนว่าเป็นมงคลยิ่ง
ชื่อว่าสิ่งที่เห็นแล้ว   คือ   คนบางตนในโลกนี้ตื่นแต่เช้าตรู่   เห็นนกแอ่นลมบ้าง
เห็นต้นมะตูมหนุ่มบ้าง,  หญิงมีครรภ์บ้าง,   กุมารทั้งหลายซึ่งประดับตกแต่งแล้ว
บ้าง,  หม้อน้ำที่เต็มบ้าง,  ปลาตะเพียนสดบ้าง,  ม้าอาชาไนยบ้าง, รถเทียมม้าอา-
ชาไนยบ้าง,   โคอุสภะบ้าง,    แม่โคบ้าง   สีแดงบ้าง   ก็หรือว่าเห็นรูปแม้อื่นใดที่
สมมติกันว่าเป็นมงคลยิ่งเห็นปานนี้   นี้เขาเรียกกันว่า  ทิฏฐมงคล.
         คำของชายคนนั้น    บางพวกก็ยอมรับ  บางพวกก็ไม่ยอมรับ   ชนพวก
ใดไม่ยอมรับ  ชนพวกนั้นก็ถูกเถียงกับนายทิฏฐมังคลิกะนี้.
         ครั้งนั้น   ชายคนหนึ่งชื่อว่า  สุตมังคลิกะ  กล่าวว่า แน่ะผู้เจริญ   ชื่อว่า
จักษุนี้   เห็นรูปที่ดีบ้าง  ที่งามบ้าง  ไม่งามบ้าง  ที่ชอบใจบ้าง  ที่ไม่ชอบใจบ้าง
ถ้าหากว่ารูปที่ตานั้นเห็นแล้วจักพึงเป็นมงคลไซร้  แม้รูปทุกชนิดก็พึงเป็นมงคล
รูปที่เห็นแล้วจึงไม่ใช่เป็นมงคล   แต่อีกอย่างหนึ่งแล  เสียงที่ฟังแล้ว    (ต่างหาก)
เป็นมงคล  (เพราะว่า)   เสียงที่สมมติกันว่าเป็นมงคลยิ่ง   ชื่อว่าสิ่งที่ได้ฟังแล้ว
คือ  คนบางคนในโลกนี้ลุกขึ้นแต่เช้าแล้ว  ย่อมฟังเสียงว่า   วัฑฒะ  เจริญบ้าง,
ว่า  วัฑฒมานะ  เจริญอยู่บ้าง,  ปุณณะ  เต็มบ้าง,   ปุสสะ ขาวบ้าง,  สุมนา
ดอกมะลิบ้าง,   สิริ  มิ่งขวัญบ้าง    สิริวัฒน์  เจริญด้วยมิ่งขวัญบ้าง,   หรือว่า
วันนี้ฤกษ์ดี,    ยามดี,   วันดี,  มงคลดี   หรือฟังเสียงที่สมมติกันว่าเป็นมงคลยิ่ง
อย่างใดอย่างหนึ่งเห็นปานนี้    นี้เขาเรียกกันว่า  สุตมงคล  คำแม้ของสุตมังคลิกะ
นั้น  บางพวกก็ยอมรับ   บางพวกก็ไม่ยอมรับ   พวกใดไม่ยอมรับ    พวกนั้นก็
ถกเถียงกับนายสุตมังคลิกะนั้น.
หน้า ๑๒๗