๑๒๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๓๐
มงคล  (หรือว่า)   สิ่งที่ได้ทราบแล้วเท่านั้นเป็นมงคล    ถ้อยคำปรารภมงคลนี้
ปรากฏไปทั่วแล้วในชมพูทวีปทั้งสิ้น  ด้วยประการฉะนี้.
         ครั้งนั้น    มนุษย์ทั้งหลายในชมพูทวีปทั้งสิ้นรวมกันเป็นพวก ๆ   คิด
มงคลทั้งหลายกันว่า  "อะไรหนอแล  เป็นมงคล"  แม้อารักขเทวดาทั้งหลายของ
พวกมนุษย์เหล่านั้นฟังถ้อยคำนั้นแล้ว   ก็คิดมงคลทั้งหลายกันเหมือนกัน   ภุมม-
เทวดาทั้งหลายที่เป็นมิตรของเทวดาเหล่านั้นมีอยู่,   ครั้งนั้น   ภุมมเทวดาทั้งหลาย
ฟังจากเทวดาเหล่านั้นแล้ว   ก็คิดมงคลทั้งหลายเหมือนกัน,   อากาสัฏฐเทวดาที่
เป็นมิตรของภุมมเทวดาแม้เหล่านั้นก็มีอยู่...ฯลฯ   เทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา
ที่เป็นมิตรของอากาสัฏฐเทวดาก็มีอยู่  โดยอุบายนี้นั้นแล  จนถึงอกนิษฐเทวดาที่
เป็นมิตรของสุทัสสีเทวดาก็มีอยู่   ครั้งนั้น   แม้อกนิษฐเทวดาฟังจากสุทัสสีเทวดา
นั้นแล้ว  ก็รวมกันเป็นพวก ๆ เหมือนอย่างนั้น   คิดมงคลทั้งหลาย  การคิดเรื่อง
มงคลเกิดขึ้นในที่ทุกแห่งจนถึงหมื่นจักรวาลด้วยประการฉะนี้.     ก็การคิดเรื่อง
มงคลนั้น    ซึ่งบังเกิดขึ้นแล้ว   แม้อันนักคิดทั้งหลายวินิจฉัยกันอยู่ว่า   สิ่งนี้เป็น
มงคล ๆ  ก็ไม่ถึงการตกลงกันได้เลย    คิดกันอยู่สิ้นเวลา   ๑๒  ปี    พวกมนุษย์
พวกเทวดาและพวกพรหมทั้งปวง    เว้นพระอริยสาวกทั้งหลาย    แตกกันเป็น
๓ พวก  คือ  พวกทิฏฐมังคลิกะพวก  ๑  พวกสุตมังคลิกะพวก  ๑   พวกมุต-
มังคลิกะพวก  ๑  ไม่มีใครแม้คนเดียวที่ชื่อว่าถึงการตัดสินใจได้ตามความเป็น
จริงว่า  สิ่งนี้เท่านั้นเป็นมงคล   ความโกลาหลเรื่องมงคลเกิดขึ้นแล้วในโลก.
         ชื่อว่า  โกลาหลมี  ๕  อย่าง  คือ  กัปปโกลาหล ๑   จักกวัตติโกลา-
หล  ๑  พุทธโกลาหล  ๑  มังคลโกลาหล ๑  โมเนยยโกลาหล ๑
หน้า ๑๒๙