๑๒๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๓๑
         ในบรรดาโกลาหลเหล่านั้น     พวกเทพชั้นกามาวจร   สนานเกล้า  สยาย
ผม  ร้องไห้น้ำตานองหน้า   ใช้มือเช็ดน้ำตา  นุ่งห่มผ้าสีแดง ถือเพศที่แปลก ๆ
อย่างยิ่ง   เที่ยวบอกไปในถิ่นมนุษย์ว่า  โดยกาลล่วงไปแสนปี   กัปจักสิ้น  โลกนี้
จักพินาศ  และมหาสมุทรจักเหือดแห้ง  มหาปฐพีนี้และภูเขาสิเนรุราช   จักไหม้
พินาศ   ความพินาศแห่งโลก   จักมีถึงพรหมโลก   แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย
ขอท่านทั้งหลายจงเจริญเมตตา   กรุณา   มุทิตา   และเจริญอุเบกขาเถิด    ท่าน
ทั้งหลายจงบำรุงเลี้ยงมารดาบิดา  ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล  จงตื่น
อย่าประมาท  นี้ชื่อว่า   กัปปโกลาหล.
         เทวดาชั้นกามาวจรนั้นแหละ  เทียวบอกไปในถิ่นมนุษย์ว่า  โดยกาลล่วง
ไป ๑๐๐  ปี  พระเจ้าจักรพรรดิ  จักทรงอุบัติขึ้นในโลก   นี้ชื่อว่า  จักกวัตติ-
โกลาหล.
         ส่วนเทพเจ้าชั้นสุทธาวาสทั้งหลาย      ประดับประดาด้วยพรหมาภรณ์
กระทำผ้าโพกศีรษะสำหรับพรหมไว้บนเศียร    เกิดปีติโสมนัสระลึกถึงพุทธคุณ
เที่ยวบอกไปในถิ่นมนุษย์ว่า   โดยกาลล่วงไป  ๑,๐๐๐  ปี   พระพุทธเจ้าจักทรง
อุบัติขึ้นในโลก  นี้ชื่อว่า  พุทธโกลาหล.
         พวกเทพเจ้าชั้นสุทธาวาสนั้นเอง     ทราบวาระจิตของมนุษย์แล้ว    ก็
เที่ยวบอกไปในถิ่นมนุษย์ว่า  โดยกาลล่วงไป ๑๒ ปี   พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจัก
ตรัสมงคล  นี้ชื่อว่า  มังคลโกลาหล.
         เทพเจ้าทั้งหลายชั้นสุทธาวาสนั้นแล  เที่ยวบอกไปในถิ่นมนุษย์ว่า  โดย
กาลล่วงไป  ๗  ปี    ภิกษุรูปหนึ่ง    จักประชุมพร้อมกันกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วทูลถามโมเนยยปฎิปทา  นี้ชื่อว่า   โมเนยยโกลาหล.
หน้า ๑๓๐