๑๔๐    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๔๒
ก็มหาสาวกทั้งหลายเหล่าใด   ยืนแวดล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่แล้ว   เทวดาก็
นับถือมหาสาวกเหล่านั้น  จึงไม่นั่ง.   อีกอย่างหนึ่ง  เทวดาไม่ยอมนั่งเพราะ
เคารพในพระพุทธเจ้า     ด้วยว่าเมื่อเทวดาทั้งหลายจะนั่ง   อาสนะก็บังเกิดขึ้น
เทวดาไม่ปรารถนาอาสนะนั้นจึงไม่คิดแม้เพื่อจะนั่ง    ได้ยืนอยู่แล้ว   ณ  ส่วน
ข้างหนึ่ง.
         คำว่า  เอกมนฺตํ   €ิตา   โข   สา   เทวตา   ความว่า  เทวดานั้น
ยืนอยู่   ณ  ส่วนข้างหนึ่งแล   ด้วยเหตุเหล่านี้อย่างนี้.
         คำว่า   ภควนฺตํ    คาถาย    อชฺฌภาสิ    อธิบายว่า  ได้ทูลแล้วกะ
พระผู้มีพระภาคเจ้า   ด้วยคำที่นิยมอักขระบท  (คือด้วยคาถา).
         บรรดาคำเหล่านั้น   คำว่า   พหู    เป็นการแสดงการนับที่ไม่แน่นอน
มีคำที่ท่านกล่าวอธิบายว่า  ด้วยคำว่า  พหู  นั้น  ย่อมมีร้อยเป็นอเนก  มีพัน
เป็นอเนก  มีแสนเป็นอเนก.
         สัตว์โลกที่ชื่อว่า  เทพ  เพราะอรรถว่า  ย่อมเล่น  อธิบายว่า เทวดา
ทั้งหลายย่อมเล่นด้วยกามคุณ  ๕  หรือว่าย่อมโชติช่วงด้วยสิริของตน  อีกอย่าง
หนึ่ง เทวดามี ๓ ประเภท  ด้วยอำนาจสมมติเทพ  อุปัตติเทพ  และวิสุทธิเทพ.
เหมือนอย่างที่พระสังคีติกาจารย์กล่าวไว้ว่า  คำว่า  เทว ได้แก่เทพ ๓ ประเภท
คือ  สมมติเทพ  ๑  อุปปัตติเทพ ๑ วิสุทธิเทพ ๑ อธิบายว่า  พระราชาทั้งหลาย
พระเทวีทั้งหลาย    และพระราชกุมารทั้งหลาย   พระราชกุมารีทั้งหลาย   ชื่อว่า
สมมติเทพ. เทพในสวรรค์ชั้นนั้นๆ  นับตั้งแต่เทพชั้นจาตุมมหาราชไป    ชื่อว่า
อุปปัตติเทพ.  พระอรหันตขีณาสพทั้งหลาย  ชื่อว่า  วิสุทธิเทพ.
หน้า ๑๔๑