๑๔๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๔๔
         คำว่า  อุตฺตมํ  ได้แก่ ประเสริฐ   คือ เลิศ  ได้แก่ นำมาซึ่งประโยชน์
สุขแก่โลกทั้งปวง   นี้คือการอธิบายตามลำดับบทแห่งคาถา.   ส่วนการประมวล
เนื้อความมีดังต่อไปนี้.
         เทพบุตรนั้น    เชิญเทวดาทั้งหลายในหมื่นจักรวาลให้ประชุมกันใน
จักรวาลอันเดียวนี้    เพื่อต้องการจะฟังมงคลปัญหา  ได้เห็นแล้วซึ่งเทวดา  มาร
และพรหมทั้งปวง     ผู้เนรมิตอัตภาพให้ละเอียด     ประมาณเท่าปลายขนทราย
เส้นหนึ่ง  เป็น  ๑๐ องค์บ้าง   ๒๐  บ้าง   ๓๐ บ้าง   ๔๐ บ้าง ๕๐ บ้าง ๖๐ บ้าง
๗๐   บ้าง   ๘๐  บ้าง   ผู้ยืนแวดล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า    ซึ่งประทับนั่งเหนือ
บวรพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดไว้แล้ว   ผู้รุ่งโรจน์ก้าวล่วง  (เทพ,  มาร, และพรหม)
เหล่านั้น    ด้วยพระสิริและพระเดช    และได้ทราบถึงความปริวิตกแห่งใจของ
พวกมนุษย์ชาวชมพูทวีปทั้งสิ้น  แม้ที่ยังไม่ได้ทราบในสมัยนั้นด้วยใจ  เพื่อจะถอน
เสียซึ่งลูกศรคือความสงสัยของเทพเจ้าและมนุษย์ทั้งปวง  จึงได้ทูลว่า   เทพเจ้า
เเละมนุษย์เป็นอันมาก  หวังอยู่ซึ่งความสวัสดี   คือปรารถนาความสวัสดีแห่งตน
จึงพากันคิดมงคลทั้งหลายข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์เป็นผู้ซึ่งข้าพระองค์
ทูลถามแล้ว    ตามความอนุมัติของเทพเจ้าเหล่านั้น     และด้วยความอนุเคราะห์
ของมนุษย์ทั้งหลาย    ขอจงตรัสบอกซึ่งมงคลอย่างสูงสุด   คือว่าขอพระองค์ได้
อาศัยความอนุเคราะห์ต่อข้าพระองค์ทั้งหลาย     โปรดตรัสบอกมงคลอันสูงสุด
เพราะจะนำประโยชน์สุขมาให้โดยส่วนเดียว    แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย   ทั้งปวง
ทีเดียว.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับคำของเทพบุตรนี้อย่างนี้แล้ว  จึงตรัส
พระคาถาว่า  อเสวนา จ  พาลานํ  เป็นต้น.
หน้า ๑๔๓