๑๔๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๔๘
จึงได้ตรัสถึงการไม่คนพวกคนพาลก่อน  (ตรัส)   ถึงการคบบัณฑิตทั้งหลายใน
ภายหลัง.   ตอบว่า  เพราะเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย    ถือเอาแล้วซึ่งความเห็น
อันเป็นมงคล    ในมงคลทั้งหลายมีทิฏฐิมงคลเป็นต้นนี้   เพราะด้วยการเสพกับ
คนพาล    และมงคลทิฏฐินี้ก็เป็นอัปมงคล  ฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า    เมื่อทรง
ติเตียนการคลุกคลีกับอกัลยาณมิตร  ซึ่งหักรานประโยชน์ในโลกนี้    ในโลกอื่น
นั้น     และเมื่อทรงสรรเสริญการคบกัลยาณมิตรผู้ทำประโยชน์ในโลกทั้งสองให้
สำเร็จ  จึงได้ตรัสการไม่คบพวกคนพาลก่อน   และตรัสการคบบัณฑิตทั้งหลาย
ในภายหลัง  แก่เทวดาและมนุษย์เหล่านั้น.
         สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบแล้วด้วยอกุศลกรรมบถ  ๑๐    มีปาณาติบาต
เป็นต้นเหล่าใดเหล่าหนึ่ง   ชื่อว่า    คนพาล.    ในบรรดาคนพาลและบัณฑิต
ทั้งสองนั้น   พวกคนพาลเหล่านั้น     บัณฑิตจะพึงทราบได้ด้วยอาการ  ๓  อย่าง
สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรว่า   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   คนพาล
มีพาลลักษณะ  ๓ ประการเหล่านี้  ดังนี้
         อีกอย่างหนึ่ง  ชนทั้งหลายเหล่านี้คือ    ครูทั้งหกมีปูรณกัสสปเป็นต้น
ชนทั้งหลายมีพระเทวทัต  พระโกกาลิกะ  พระกฏโมสกติสสะ พระขัณฑเทวีบุตร
พระสมุททัตตะ   และนางจิญจมาณวิกาเป็นต้น    และพระภาดาของพระเจ้าทีฆวิท
ในอดีตกาล  เเละสัตว์เห็นปานนี้เหล่าอื่น  พึงทราบว่า  คนพาล ชนเหล่านั้น
ย่อมทำตนเองและชนทั้งหลายที่ทำตามถ้อยคำของตนให้ถึงความพินาศ  ด้วยตน
ที่ถือเอาผิดประดุจเรือนที่ถูกไฟไหม้ทั่วแล้วฉะนั้น     เหมือนอย่างพระภาดาของ
พระเจ้าทีฆวิทมีอัตภาพประมาณ   ๖0   โยชน์  นอนหงายตกไป  อันไฟไหม้อยู่
๑. อัง. ติก. ๒๐/ ข้อ ๔๔๒
หน้า ๑๔๗