| บุคคลไม่พึงเห็น ไม่พึงฟังคนพาล |
| และไม่พึงอยู่ร่วมกับคนพาล ไม่ควรสนทนา |
| ปราศรัยกับคนพาล และไม่ควรพอใจการ |
| สนทนาปราศรัยกับคนพาล |
| (ท้าวสักกะตรัสถามว่า) |
| ดูก่อนกัสสปะ คนพาลได้ทำอะไร |
| ให้แก่ท่านแลหรือ ท่านจงบอกถึงเหตุ ดู |
| ก่อนกัสสปะ เพราะเหตุไร ท่านจึงชมต้อง |
| การเห็นคนพาล |
| (อกิตติดาบสตอบว่า) |
| (เพราะ) คนพาลมีปัญญาทราม ย่อม |
| แนะนำสิ่งที่ไม่ควรแนะนำ ย่อมประกอบใน |
| สิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนำในทางที่ผิด ๆ |
| เป็นความประเสริฐ (ของคนพาล) คนพาล |
| แม้เขาพูดดี ๆ ก็โกรธ คนพาลนั้นย่อมไม่รู้ |
| จักอุบายเครื่องแนะนำ การไม่เห็นคนพาล |
| นั้นเสียได้เป็นการดี. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงติเตียนการคบคนพาลโดยประการทั้งปวง |
| อย่างนี้แล้ว จึงตรัสว่า การไม่คบพวกคนพาลเป็นมงคล บัดนี้เมื่อจะตรัส |
| สรรเสริญการคบบัณฑิตจึงตรัส ปณฺฑิตานณฺจ เสวนา ว่าเป็นมงคล. |
| สัตว์ทั้งหลายที่ประกอบด้วยกุศลกรรมบถ ๑๐ มีปาณาติบาตเป็นต้น |
| จำพวกใดจำพวกหนึ่งชื่อว่า บัณฑิต ในบรรดาการคบคนพาลและบัณฑิตทั้ง |
| สองนั้น บัณฑิตทั้งหลายเหล่านั้น จะพึงทราบได้โดยอาการ ๓ อย่าง ดังที่ตรัส |