| เป็นความดีของนักปราชญ์นั้น นักปราชญ์นั้น |
| เขาพูดชอบก็ไม่โกรธ นักปราชญ์นั้นย่อมรู้ |
| จักอุบายเครื่องแนะนำ การสมาคมกับนัก- |
| ปราชญ์นั้นจึงเป็นความดี. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงสรรเสริญการคบหาบัณฑิต โดย |
| ประการทั้งปวง จึงตรัสว่า การเสพบัณฑิตทั้งหลายเป็นมงคล ดังพรรณนามา |
| ฉะนี้ บัดนี้ เมื่อจะทรงสรรเสริญการบูชาปูชนียบุคคลทั้งหลาย ผู้เข้าถึงแล้ว |
| ซึ่งภาวะที่ควรบูชาโดยลำดับ ด้วยการไม่เสพคนพาลทั้งหลาย และด้วยการ |
| เสพบัณฑิตทั้งหลายนั้น จึงตรัสว่า ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมมุตฺตมํ |
| การบูชาปชนียบุคคลทั้งหลาย นี้เป็นอุดมมงคล. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายผู้ชื่อว่าเป็น พุทธะ เพราะเว้นจากโทษ |
| ทั้งปวง และเพราะประกอบด้วยพระคุณทั้งปวง พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระ- |
| อริยสาวกทั้งหลาย ผู้มาในภายหลังแต่พระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ชื่อว่า ปูชนีย- |
| บุคคล ในพระคาถานั้น ด้วยว่าการบูชาพระทักขิเณยยบุคคลเหล่านั้นแม้จะน้อย |
| ก็ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขตลอดกาลนาน ก็ในข้อนี้มีนายสุมนมาลาการ |
| เป็นต้นเป็นตัวอย่าง. ในเรื่องการบูชาบุคคลที่ควรบูชา นำความสุขมาให้ตลอด |
| กาลนานนั้น ข้าพเจ้าจะยกเรื่องเพียงเรื่องเดียวเป็นตัวอย่าง. |
| ดังได้สดับมา ในเวลาเช้าวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่ง (สบง) |
| เรียบร้อยแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปยังกรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาต |
| ครั้งนั้นนายสุมนมาลาการ ถือดอกไม้ทั้งหลายเพื่อพระราชาผู้เป็นใหญ่ในแคว้น |
| มคธ กำลังไปอยู่ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ยังผู้อื่นให้เลื่อมใส ผู้ควรเลื่อมใส |
| ผู้ประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะ ๘๐ ทรงรุ่งเรื่อง |
| อยู่ด้วยพุทธสิริ ผู้เสด็จถึงประตูพระนคร (พอดี) นายสุมนมาลาการนั้น |