๑๕๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๕๓
                เป็นความดีของนักปราชญ์นั้น  นักปราชญ์นั้น
                เขาพูดชอบก็ไม่โกรธ    นักปราชญ์นั้นย่อมรู้
                 จักอุบายเครื่องแนะนำ     การสมาคมกับนัก-
                ปราชญ์นั้นจึงเป็นความดี.
           พระผู้มีพระภาคเจ้า     เมื่อจะทรงสรรเสริญการคบหาบัณฑิต    โดย
ประการทั้งปวง  จึงตรัสว่า  การเสพบัณฑิตทั้งหลายเป็นมงคล    ดังพรรณนามา
ฉะนี้   บัดนี้  เมื่อจะทรงสรรเสริญการบูชาปูชนียบุคคลทั้งหลาย    ผู้เข้าถึงแล้ว
ซึ่งภาวะที่ควรบูชาโดยลำดับ     ด้วยการไม่เสพคนพาลทั้งหลาย     และด้วยการ
เสพบัณฑิตทั้งหลายนั้น   จึงตรัสว่า  ปูชา จ  ปูชนียานํ  เอตมฺมงฺคลมมุตฺตมํ
การบูชาปชนียบุคคลทั้งหลาย  นี้เป็นอุดมมงคล.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายผู้ชื่อว่าเป็น   พุทธะ   เพราะเว้นจากโทษ
ทั้งปวง  และเพราะประกอบด้วยพระคุณทั้งปวง   พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระ-
อริยสาวกทั้งหลาย ผู้มาในภายหลังแต่พระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น  ชื่อว่า  ปูชนีย-
บุคคล ในพระคาถานั้น  ด้วยว่าการบูชาพระทักขิเณยยบุคคลเหล่านั้นแม้จะน้อย
ก็ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขตลอดกาลนาน     ก็ในข้อนี้มีนายสุมนมาลาการ
เป็นต้นเป็นตัวอย่าง.  ในเรื่องการบูชาบุคคลที่ควรบูชา  นำความสุขมาให้ตลอด
กาลนานนั้น    ข้าพเจ้าจะยกเรื่องเพียงเรื่องเดียวเป็นตัวอย่าง.
         ดังได้สดับมา  ในเวลาเช้าวันหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่ง  (สบง)
เรียบร้อยแล้ว   ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปยังกรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาต
ครั้งนั้นนายสุมนมาลาการ  ถือดอกไม้ทั้งหลายเพื่อพระราชาผู้เป็นใหญ่ในแคว้น
มคธ   กำลังไปอยู่   ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ยังผู้อื่นให้เลื่อมใส  ผู้ควรเลื่อมใส
ผู้ประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ  ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะ  ๘๐ ทรงรุ่งเรื่อง
อยู่ด้วยพุทธสิริ    ผู้เสด็จถึงประตูพระนคร    (พอดี)    นายสุมนมาลาการนั้น
หน้า ๑๕๒