๑๕๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๕๔
ครั้นเห็นแล้วก็ได้มีความดำริอย่างนี้ว่า    พระราชาทรงรับดอกไม้ทั้งหลายแล้ว
จะพึงประทานทรัพย์  ๑๐๐  กหาปณะ   หรือ  ๑,๐๐๐  กหาปณะ  (แก่เรา) ก็ทรัพย์
นั้นพึงเป็นความสุขยิ่งกว่าในโลกนี้   แต่การบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้ามีผลประมาณ
มิได้   นับมิได้  ย่อมนำความสุขมาสิ้นกาลนาน   เอาเถิด   เราจะบูชาพระผู้มี-
พระภาคเจ้า.
         นายสุมนมาลาการนั้น  มีใจเลื่อมใส  ถือดอกไม้กำมือหนึ่ง  ซัดไปแล้ว
เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า   ดอกไม้ทั้งหลายไปทางอากาศ  ได้เป็น
เพดานดอกไม้    ดำรงอยู่แล้วเบื้องบนรองพระผู้มีพระภาคเจ้า     นายมาลาการ
เห็นอานุภาพนั้นแล้ว     ย่อมมีใจเลื่อมใสยิ่งขึ้น    ได้ซัดดอกไม้ไปอีกกำมือหนึ่ง
ดอกไม้เหล่านั้น    ไปเป็นเกราะดอกไม้ดำรงอยู่แล้ว   นายมาลาการซัดดอกไม้ไป
ถึง  ๘  กำมือด้วยอาการอย่างนี้   ดอกไม้เหล่านั้นไปเป็นเรือนยอด.    พระผู้มี-
พระภาคเจ้าได้ประทับอยู่แล้วภายในเรือนยอด     หมู่มหาชนประชุมกันแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงสรรเสริญนายมาลาการ  จึงได้ทรงกระทำการแย้ม
พระโอษฐ์ให้ปรากฏ  พระอานนทเถระคิดว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่ทำการ
แย้มทั้งหลายให้ปรากฏ    เพราะเรื่องมิใช่เหตุ   มิใช่ปัจจัย   ดังนี้แล้วจึงทูลถาม
ถึงเหตุที่ทำให้แย้มพระโอษฐ์.  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า  อานนท์  นายมาลา-
การนี้ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายสิ้นแสนกัป  ในที่สุดก็จะได้เป็น
พระปัจเจกพุทธเจ้า   ชื่อว่า  สุมนิสสระ  ด้วยอานุภาพแห่งหารบูชานี้.
         ก็ในที่สุดแห่งพระวาจา      เพื่อจะแสดงพระธรรมเทศนา   จึงได้ตรัส
พระคาถานี้ว่า
                        บุคคลทำกรรมใดแล้ว  ไม่เดือดร้อน
                ในภายหลัง  กรรมนั้นแลที่บุคคลทำแล้วเป็น
หน้า ๑๕๓