๑๖๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๖๓
ชื่อว่า   อนาคาริยศิลปะ   ศิลปะที่พระผู้มีพระภาคเจ้า   ทรงพรรณนาไว้ใน
ที่นั้น  ๆ  โดยนัยว่า  ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ขยัน  ในกิจที่ควร
กระทำทั้งน้อยและใหญ่ของเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย  ดังนี้เป็นต้น  (และ) ที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า   นี่คือธรรมอันทำที่พึ่ง  ดังนี้  พึงทราบว่า  เป็น
มงคล   เพราะนำประโยชน์เกื้อกูลและความสุขในโลกทั้ง  ๒  มาให้ตนและชน
เหล่าอื่น.
         ที่ชื่อว่า  วินย  มี ๒ อย่าง คือ   อาคาริยวินัย  ๑   อนาคาริยวินัย ๑
ในสองอย่างนั้น   การเว้นอกุศลกรรมบถ  ๑๐  ชื่อว่า  อาคาริยวินัย.  วินัยนั้น
ชื่อว่า    อันบุคคลศึกษาดีแล้ว   ด้วยการไม่ต้องโทษ    คือสังกิเลสในวินัยนั้น
และด้วยการกำหนดคุณแห่งความประพฤติ    ชื่อว่าเป็นมงคล    เพราะนำมาซึ่ง
ประโยชน์เกื้อกูลและความสุขในโลกทั้งสอง.
         ส่วนการไม่ต้องอาบัติ  ๗  กอง   ชื่อว่า  อนาคาริยวินัย   แม้อนาคา-
ริยวินัยนั้น     ชื่อว่า   อันภิกษุศึกษาดีแล้ว     โดยนัยที่กล่าวแล้วนั้นแล.    อีก
อย่างหนึ่ง  ปาริสุทธิศีล  ๔ ชื่อว่า  อนาคาริยวินัย.  อนาคาริยวินัยนั้น  อันภิกษุ
ศึกษาอยู่  โดยประการที่ตนดำรงอยู่ในอนาคาริยวินัยนั้นแล้ว  บรรลุพระอรหัต
ชื่อว่าศึกษาดีแล้ว  พึงทราบว่า เป็นมงคล เพราะเป็นเหตุให้บรรลุโลกิยสุขและ
โลกุตรสุข.
         วาจาที่เว้นจากโทษมีมุสาวาทเป็นต้น  ชื่อว่า  วาจาสุภาษิต  สมดังที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า  ภิกษุทั้งหลาย   วาจาที่ประกอบด้วยองค์ ๔   เป็น
วาจาสุภาษิต   ดังนี้.   อีกอย่างหนึ่ง  วาจาที่ไม่เพ้อเจ้อ   ก็ชื่อว่า   วาจาสุภาษิต
เหมือนกัน     เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า
หน้า ๑๖๒