๑๖๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๖๔
                        สัตบุรุษทั้งหลายกล่าววาจาสุภาษิตว่า
                เป็นวาจาสูงสุด  เป็นที่หนึ่ง  บุคคลพึงกล่าว
                วาจาอันเป็นธรรม    ไม่พึงกล่าววาจาอันไม่
                เป็นธรรมนั้น    เป็นที่สอง  พึงกล่าววาจาเป็น
                ที่รัก    ไม่พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รักนั้น
                เป็นที่สาม   พึงกล่าววาจาจริง   ไม่พึงกล่าว
                วาจาเหลาะแหละนั้น    เป็นที่สี่  ดังนี้.
         แม้วาจาสุภาษิตธรรมนี้  พึงทราบว่าเป็นมงคล เพราะนำมาซึ่งประโยชน์
เกื้อกูลและความสุขในโลกทั้งสอง.  ก็เพราะเหตุที่วาจาสุภาษิตนี้นับเนื่องอยู่ใน
วินัยอยู่แล้วนี้เอง ฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า  จึงไม่สงเคราะห์วาจาสุภาษิตนี้ด้วย
วินัยศัพท์  สงเคราะห์แต่วินัย   (เท่านั้น     ด้วยวินัยศัพท์)
         อีกอย่างหนึ่ง  จะมีประโยชน์อะไรด้วยความลำบากนี้  วาจาเป็นเครื่อง
แสดงพระธรรมแก่คนเหล่าอื่น  ก็พึงทราบว่า เป็นวาจาสุภาษิต ในที่นี้   จริงอยู่
วาจาสุภาษิตนั้น     พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   เป็นมงคล   เพราะเป็นปัจจัยให้
สัตว์ทั้งหลายได้บรรลุประโยชน์เกื้อกูล   และความสุขในโลกทั้งสอง   และพระ-
นิพพาน  ท่านกล่าวไว้ว่า
                        พระพุทธเจ้าตรัสวาจาใด   อันเกษม
                เพื่อบรรลุพระนิพพาน เพื่อกระทำที่สุดทุกข์
                วาจานั้นแล  สูงสุดกว่าวาจาทั้งหลาย.
         ด้วยพระคาถานี้  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสมงคล  ๔  ประการคือ  ความ
เป็นพหูสูต  (พาหุสัจจะ)  ๑  ศิลปะ  ๑  วินัยที่ศึกษาดีแล้ว  ๑  วาจาสุภาษิต  ๑
๑. สุภาสิตสูตร สัง. สคาถา. ๑๕/ข้อ ๗๓๙.
หน้า ๑๖๓