| พึงทราบอธิบายในการบำรุงเลี้ยงนั้น ดังต่อไปนี้. เพราะเหตุที่ |
| มารดาบิดา เป็นผู้มีอุปการะมาก หวังประโยชน์ เป็นผู้อนุเคราะห์ต่อบุตร |
| ทั้งหลาย ซึ่งท่านเห็นบุตรเหล่านั้น เล่นอยู่ข้างนอก มีสรีระเปื้อนฝุ่นมาแล้ว |
| ก็เช็ดฝุ่นให้ กอดจูบที่ศีรษะและยังความรักให้เกิด. บุตรทั้งหลายเลี้ยงมารดาบิดา |
| ด้วยการทูนไว้บนศีรษะแม้สิ้น ๑๐๐ ปี ก็ไม่สามารถที่จะตอบแทนอุปการคุณ |
| แห่งการบำรุงเลี้ยงนั้นได้ และเพราะเหตุที่ท่านทั้งสองนั้น เป็นผู้บำรุง เป็นผู้ |
| เลี้ยงดู เป็นผู้แสดงโลกนี้ เป็นผู้เสมอกับพระพรหม เป็นบุพพาจารย์ ฉะนั้น |
| การบำรุงเลี้ยงมารดาบิดาทั้งสองนั้น จึงนำมาซึ่งการสรรเสริญในโลกนี้ ละไป |
| แล้ว ก็นำความสุขในสวรรค์มาให้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า เป็นมงคล |
| สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า |
| มารดาบิดาทั้งหลาย ผู้อนุเคราะห์แก่ |
| ปชา (บุตรธิดา) ท่านเรียกว่า เป็นพรหม |
| ว่าเป็นบุพพาจารย์ ว่าเป็นอาหุเนยยบุคคล |
| ของบุตรทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล บัณฑิต |
| พึงนอบน้อมและสักการะมารดาบิดาเหล่า |
| นั้น ด้วยข้าว น้ำ ผ้า ที่นอน การอบ |
| การอาบน้ำ และการล้างเท้า ด้วยการปรน- |
| นิบัติในมารดาบิดาทั้งสองนั้น บัณฑิตทั้ง- |
| หลายย่อมสรรเสริญบุคคลนั้น ในโลกนี้นั้น |
| แล เขาละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงใน |
| สวรรค์๑ ดังนี้. |
|