| เข้าไปยังสัณฐาคาร ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ ซึ่งเขาปูลาดไว้แล้ว ฝ่ายภิกษุ. |
| สงฆ์แล รวมทั้งพระราชาทั้งหลาย และมนุษย์ทั้งหลาย ก็ได้นั่ง ณ โอกาส |
| สมควร แม้ท้าวสักกะจอมเทพ ก็นั่งกับเทวบริษัทในเทวโลกทั้งสอง เทวดา |
| เหล่าอื่นก็ได้นั่งด้วยเทวบริษัทเช่นกัน ฝ่ายพระอานนทเถระ เที่ยวไปยังนคร |
| เวสาลีจนทั่ว กระทำอารักขา แล้วมาพร้อมกับชาวนครเวสาลี นั่งลงแล้ว ณ |
| ส่วนข้างหนึ่ง ณ สัณฐาคารนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสรตนสูตรนั้นนั่นแล |
| แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งปวง. |
| พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่ ๑ ว่า ยานีธ ภูตานิ ดังต่อไปนี้ :- |
| บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า ยานิ ความว่า ภูตเหล่าใดมีศักดิ์น้อย |
| ก็ตาม มีศักดิ์มากก็ตาม. |
| บทว่า อิธ ได้แก่ในประเทศนี้ ท่านกล่าวหมายถึงสถานที่ประชุมกัน |
| ในขณะนั้น. |
| บทว่า ภูตานิ คำอธิบายว่า ถึงแม้ ภูต ศัพท์จะใช้ในความหมาย |
| เหล่านี้ คือ |
| ๑. หมายถึงสิ่งที่เป็นจริง ดังในประโยคทั้งหลายมีประโยคเป็นต้น |
| อย่างนี้ว่า ภูตสฺมึ ปาจิตฺติยํ เป็นปาจิตตีย์ในเพราะบอกอุตตริมนุษย์ธรรมที่ |
| มีจริงแต่อนุปสัมบัน |
| ๒. หมายถึงเบญจขันธ์ ดังในประโยคทั้งหลายมีประโยคเป็นต้นอย่าง |
| นี้ว่า ภูตมิทํ ภิกฺขเว สมนุปสฺสถ ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาเบญจขันธ์นี้. |
| ๓. หมายถึงรูปมีปฐวีธาตุเป็นต้น ในธาตุทั้ง ๔ ดังในประโยคทั้งหลาย |
| เป็นต้นอย่างนี้ว่า จตฺตาโร โข ภิกฺขุ มหาภูตา เหตู ดูก่อนภิกษุ มหา- |
| ภูตรูป ๔ แลเป็นเหตุ. |