| การแสดงธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศแล้ว อันเป็นที่สิ้น |
| ทุกข์และนำความสุขมาให้ ในโลกนี้และโลกหน้า เพราะปรารถนาประโยชน์ |
| เกื้อกูลแก่บุคคลเหล่าอื่น ชื่อว่า ธรรมทาน. ก็ในบรรดาทาน ๒ อย่างนี้ |
| ธรรมทานนี้เท่านั้นจัดว่าเป็นเลิศ. เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า |
| การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง |
| รสแห่งธรรม ย่อมชนะรสทั้งปวง ความยินดี |
| ในธรรม ย่อมชนะควานยินดีทั้งปวง ความ |
| สิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง ดังนี้. |
| ในทานทั้ง ๒ อย่างนั้น ความที่อามิสทานเป็นมงคล ข้าพเจ้าได้กล่าว |
| ไว้แล้วนั้นแล ส่วนธรรมทาน เพราะเป็นที่ตั้งแห่งคุณทั้งหลาย มีความเป็นผู้รู้ |
| จักอรรถเป็นต้น ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า เป็นมงคล สมจริงดังที่ |
| พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุแสดงธรรมดาตามที่ได้ฟังมา |
| ตามที่ได้เรียนมา แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร โดยประการใด ๆ บุคคลนั้นเป็นผู้รู้แจ้ง |
| ซึ่งอรรถ (รู้ผล) และเป็นผู้รู้แจ้งซึ่งธรรม (รู้เหตุ) ในธรรมนั้น ๆ โดย |
| ประการนั้น ๆ ดังนี้เป็นต้น. |
| การประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ชื่อว่า ธรรมจริยา. ดังนี้พระผู้มีพระ- |
| ภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์และคหบดีทั้งหลาย การประพฤติธรรม คือ |
| การประพฤติสม่ำเสมอทางกายมี ๓ อย่างแล ดังนี้เป็นต้น. ก็การประพฤติธรรม |
| นี้นั้น พึงทราบว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุให้อุบัติในโลกสวรรค์. |