| ก็ชื่อว่าวิรัตินั้นมี ๓ อย่าง คือ สัมปัตตวิรัติ ๑ สมาทานวิรัติ ๑ |
| สมุจเฉทวิรัติ ๑. |
| ในวิรัติทั้ง ๓ อย่างนี้ การงดเว้นของกุลบุตรจากวัตถุที่ประจวบเข้า |
| เพราะอาศัยชาติ หรือสกุล หรือโคตรของตน โดยนัยว่า ข้อที่เราจะพึงฆ่าสัตว์ |
| พึงถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ให้นี้ไม่ควร ชื่อว่า สัมปัตตวิรัติ. ส่วนว่ากุลบุตร |
| ไม่ประพฤติล่วงเกินสิกขาบทมีปาณาติบาตเป็นต้น จำเดิมแต่ความเป็นไปแห่ง |
| วิรัติ อันเป็นไปแล้วด้วยสามารถแห่งการสมาทานสิกขาบท ชื่อว่า สมาทาน |
| วิรัติ. |
| ภัยเวร ๕ ประการ ของพระอริยสาวกสงบระงับไป จำเดิมแต่ความ |
| เป็นไปแห่งวิรัติอันสัมปยุตด้วยอริยมรรค ชื่อว่า สมุจเฉทวิรัติ. |
| อกุศล ๔ อย่างนั้นใด กล่าวคือกรรมกิเลสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ |
| พิสดารอย่างนี้ว่า ดูก่อนคฤหบดีบุตร กรรมกิเลสคือปาณาติบาต อทินนาทาน |
| กาเมสุมิจฉาจาร เเละมุสาวาท ดังนี้ ที่พระธรรมสังคาหกาจารย์รวบรวมไว้ |
| ด้วยคาถาอย่างนี้ว่า |
| บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่สรรเสริญ |
| (กรรมกิเลส ๔ ประการคือ) ปาณาติบาต ๑ |
| อทินนาทาน ๑ มุสาวาท ๑ การประพฤติผิด |
| ภรรยาผู้อื่น ๑ ดังนี้. |
| อกุศลทั้ง ๔ ประการ ชื่อว่า บาป. |
| การงดเว้นจากบาปนั้น การงดและการเว้นทั้งหมดนี้ พระผู้มีพระ- |
| ภาคเจ้าตรัสว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งการบรรลุคุณวิเศษนานาประการ |