๑๗๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๘๑
แห่งหนึ่งทำเป็นสังฆาฏิ   แม้ทรงผ้านั้นไว้   ก็จัดว่าเป็นผู้สันโดษแล.   นี้ชื่อว่า
ยถาสารุปปสันโดษ  ในจีวรของภิกษุนั้น.
         ก็ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้   ได้บิณฑบาต  จะเศร้าหมองก็ตาม ประณีต
ก็ตาม  เธอยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยบิณฑบาตนั้นนั่นเอง  ไม่ต้องการบิณฑบาต
อื่น แม้เมื่อจะได้ก็ไม่ยอมรับ  นี้ชื่อว่ายถาลาภสันโดษ  ในบิณฑบาตของภิกษุนี้.
         แต่ถ้าหากว่าภิกษุเป็นผู้อาพาธ   ฉันบิณฑบาตที่เลว  ก็ถึงความป่วยหนัก
ภิกษุนั้นก็ถวายบิณฑบาตแก่ภิกษุที่เป็นสภาคกัน  แล้วฉันเนยใส  นมส้ม  น้ำผึ้ง
และนมสด  เป็นต้น    จากมือของภิกษุนั้นแล้วประพฤติสมณธรรมอยู่   ก็จัดว่า
สันโดษอยู่นั่นเอง  นี้ชื่อว่า  ยถาพลสันโดษ  ในบิณฑบาตของภิกษุนั้น.
         ภิกษุอีกรูปหนึ่งได้บิณฑบาตอันประณีต     เธอคิดว่า   บิณฑบาตนี้
เหมาะสมสำหรับพระเถระทั้งหลาย    ผู้บวชมานาน    และแก่เพื่อนสพรหมจารี
ทั้งหลายเหล่าอื่น   ผู้เว้นจากบิณฑบาตอันประณีตแล้ว   ไม่อาจจะให้อัตภาพเป็น
ไปได้   ดังนี้แล้วจึงถวายบิณฑบาตอันประณีตนั้นแก่พระเถระ หรือภิกษุเหล่านั้น
เสีย   ตนเองเที่ยวบิณฑบาต    แม้ฉันอาหารที่เจือกัน  (ฉันรวมกันหลาย ๆ สิ่ง)
ก็จัดว่าเป็นผู้สันโดษอยู่นั้นเอง   นี้ชื่อว่า   ยถาสารุปปสันโดษ   ในบิณฑบาต
ของภิกษุนี้.
         ก็เสนาสนะถึงแก่ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้     เธอก็พอใจด้วยเสนาสนะ
นั้นนั่นเอง  ไม่รับเสนาสนะอื่นอีก  ซึ่งมาถึงเข้าแม้จะดีกว่า   นี้ชื่อว่า  ยถาลาภสัน-
โดษ  ในเสนาสนะของภิกษุนั้น.
         ถ้าหากว่าเธออาพาธ   อยู่ในเสนาสนะที่ไม่มีลม  ย่อมเดือดร้อนอย่างยิ่ง
ด้วยโรคดีเป็นต้น     เธอจึงถวายเสนาสนะแก่ภิกษุที่เป็นสภาคกัน     อยู่ในเสนา-
หน้า ๑๘๐