๑๘๐    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๘๒
สนะที่มีลมและหนาวเย็น.     ซึ่งถึงเข้าแก่ภิกษุนั้น      แม้ประพฤติสมณธรรมอยู่
ก็เป็นผู้สันโดษอยู่นั่นเอง   นี้ชื่อว่า   ยถาพลสันโดษ  ในเสนาสนะของภิกษุ
นั้น.
         ภิกษุอีกรูปหนึ่ง  ไม่ยอมรับเสนาสนะที่ดีแม้มาถึงเข้า  คิดว่า เสนาสนะ
ที่ดีเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท   เมื่อภิกษุนั่งอยู่ในเสนาสนะที่ดีนั้น   ก็ย่อมก้าว
ลงสู่ถีนมิทธะได้    ก็เมื่อเธอถูกความหลับครอบงำ    ตื่นขึ้นอยู่  กามวิตกทั้งหลาย
ก็ฟุ้งขึ้น  ภิกษุนั้นปฏิเสธเสนาสนะที่ดีนั้น    แล้วอยู่ในเสนาสนะแห่งใดแห่งหนึ่ง
มีที่โล่งแจ้ง    โคนไม้   และกองฟางเป็นต้น    ก็จัดว่าเป็นผู้สันโดษอยู่นั่นเอง
นี้ชื่อว่า  ยถาสารุปปสันโดษ  ในเสนาสนะของภิกษุนั้น.
         ก็ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ได้เภสัช   จะเป็นลูกสมอ   หรือมะขามป้อม
ก็ตาม    ยังอัตภาพนั้นให้เป็นไปด้วยเภสัชนั้นนั่นเอง     ไม่ปรารถนาเเม้เนยใส
น้ำผึ้งและน้ำอ้อยเป็นต้น     ที่ภิกษุเหล่าอื่นได้มาแล้ว     แม้จะได้มาก็ไม่ยอมรับ
นี้ชื่อว่า  ยถาลาภสันโดษ  ในคิลานปัจจัยลงภิกษุนั้น.
         ก็ถ้าภิกษุเป็นผู้อาพาธต้องการน้ำมัน    (แต่)  ได้น้ำอ้อยมา    เธอให้
น้ำอ้อยนั้นแก่ภิกษุที่เป็นสภาคกันแล้ว      ทำยาด้วยน้ำมันจากมือแห่งภิกษุนั้น
แม้ประพฤติสมณธรรมอยู่   ก็จัดว่าเป็นผู้สันโดษอยู่นั้นเอง   นี้ชื่อว่า   ยถาลาภ-
สันโดษ  ในคิลานปัจจัยของภิกษุนี้.
         ภิกษุอีกรูปหนึ่ง     วางชิ้นสมอที่ดองด้วยน้ำมูตรไว้ในภาชนะใบหนึ่ง
อันภิกษุอื่นพูดอยู่ว่า    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ  ถ้าหากว่าท่านต้องการ    ท่านก็จงถือ
เอาของหวาน  ๔ อย่างในภาชนะใบหนึ่ง   ถ้าหากว่าพยาธิของภิกษุนั้นย่อมสงบ
ได้  ด้วยเภสัชอย่างใดอย่างหนึ่ง   ในบรรดาเภสัช  ๒ อย่างเหล่านั้น    ใช่แต่เท่า
หน้า ๑๘๑