๑๘๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๘๓
นั้น     สมอดองด้วยน้ำมูตรเน่า    บัณฑิตทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นต้น
สรรเสริญแล้ว  และภิกษุนี้ก็คิดว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า  บรรพชาอาศัย
ยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า.     เธอพึงทำความอุตสาหะในยาดองด้วยน้ำมูตรเน่านั้น
(พึงฉัน )  ตลอดชีวิต   จึงห้ามเภสัชที่เป็นของหวานทั้ง  ๔ เสีย    แล้วทำยาด้วย
สมอดองน้ำมูตรเน่า   ก็จัดว่าเป็นผู้สันโดษอย่างยิ่งเทียว   นี้ชื่อว่า  ยถาสารุปป-
สันโดษ  ในคิลานปัจจัยของภิกษุนั้น.
         สันโดษนี้ทั้งหมดมีประเภทดังกล่าวมาแล้วอย่างนี้       ท่านเรียกว่า
สันตุฏฐี.   สันตุฏฐีนั้น  พึงทราบว่าเป็นมงคล   เพราะเป็นเหตุแห่งการละบาป
ธรรมทั้งหลาย    มีความปรารถนาเกินไป   ความปรารถนาลามก    ความอยาก
ใหญ่เป็นต้น   และการบรรลุคุณธรรม    เพราะเป็นเหตุแห่งสุคติ     เพราะเป็น
เหตุแห่งการสั่งสมอริยมรรค      และเพราะเป็นเหตุแห่งความเที่ยวไปสะดวกใน
ทิศทั้ง  ๔  เป็นต้น.   และท่านกล่าวไว้ว่า
                                ผู้ที่สันโดษด้วยปัจจัยตามมีตามได้
                เป็นผู้เที่ยวไปสะดวกในทิศทั้ง  ๔   และเป็น
                ผู้ไม่คับแค้น   ดังนี้เป็นต้น.
         การรู้อุปการคุณที่คนใดคนหนึ่งได้กระทำไว้     จะน้อยหรือมากก็ตาม
โดยการระลึกถึงบ่อย ๆ ชื่อว่า  กตัญญุตา.  อีกอย่างหนึ่ง บุญทั้งหลายนั่นเอง
ชื่อว่ามีอุปการะมากแก่สัตว์ทั้งหลาย   เพราะป้องกันอันตรายจากทุกข์  มีทุกข์ใน
นรกเป็นต้น     เพราะการระลึกถึงอุปการะแม้แห่งบุญเหล่านั้น    ก็พึงทราบว่า
กตัญญุตา.
๑. ขัคควิสาณสูตร ขุ. สุ ๒๕/ ข้อ ๒๙๖.
หน้า ๑๘๒