| บริภาษนั้น ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า ดีหนอ ที่มนุษย์เมืองสุนาปรันตกะ ฯลฯ |
| ดีทีเดียวหนอ ที่พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตกะเหล่านี้ไม่ใช้ฝ่ามือประหารข้าพระ- |
| องค์ดังนี้เป็นต้น และอธิวาสนขันติที่ภิกษุประกอบแล้ว เป็นผู้ที่แม้ฤาษีทั้งหลาย |
| พึงสรรเสริญ ดังที่สรภังคฤาษีกล่าวไว้ว่า |
| บุคคลฆ่าความโกรธเสียได้ จะไม่ |
| เศร้าโศกในกาลไหน ๆ ฤาษีทั้งหลายสรร- |
| เสริญการละความลบหลู่ ท่านทั้งหลายจง |
| อดทนคำหยาบคายที่คนทั้งปวงกล่าวแล้ว |
| สัปบุรุษทั้งหลายกล่าวขันตินี้ว่าสูงสุด ดังนี้. |
| ภิกษุเช่นนั้นแม้เทวดาทั้งหลายก็สรรเสริญ ดังที่ท้าวสักกะจอมเทพ |
| ตรัสไว้ว่า |
| ผู้ใดแล เป็นคนมีกำลัง อดกลั้นต่อ |
| คนผู้ทรุพลไว้ ความอดกลั้นของบุคคลนั้น |
| บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า เป็นขันติอย่างยิ่ง |
| เพราะคนทุรพลต้องอดทนอยู่เป็นนิตย์.๑ |
| ผู้ที่มีความอดทนแม้พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ตรัสสรรเสริญ ดังที่พระ |
| ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า |
| ผู้ใดไม่โกรธไม่ประทุษร้าย ย่อมอด |
| กลั้นต่อการฆ่าและการจองจำ เราเรียกผู้นั้น |
| ซึ่งมีขันติเป็นพลัง ผู้มีพลังเป็นเสนา ว่า |
| เป็นพราหมณ์. |
|