๑๘๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๘๘
         ก็ขันตินี้นั้น      พึงทราบว่าเป็นมงคล    เพราะเป็นเหตุแห่งการได้รับ
คุณทั้งหลาย  ที่ท่านกล่าวพรรณนาไว้ในที่นี้เหล่านี้   และคุณทั้งหลายเหล่าอื่น.
         การไม่ถึงความฟุ้งซ่าน   หรือความเป็นผู้นิ่ง   หรือคิดถึงคุณและโทษ
ในเมื่อตนถูกว่ากล่าวประกอบด้วยธรรม   (แต่)  ทำความเอื้อเฟื้อความเคารพ
และความอ่อนน้อมอย่างยิ่งแล้วกล่าวว่า  ดีละ  (ที่ท่านได้กรุณาว่ากล่าวตักเตือน
ข้าพเจ้า)  ดังนี้ชื่อว่า  โสวจสฺสตา  ความเป็นผู้ว่าง่าย    ความเป็นผู้ว่าง่ายนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นมงคล   เพราะเป็นเหตุให้ได้โอวาทและอนุศาสนี
จากสำนักของเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย    และเพราะเป็นเหตุให้ได้ละโทษและ
บรรลุคุณ.
         การเข้าไปหา  การอุปัฏฐาก  การระลึกถึง  การฟังและการเห็นบรรพ-
ชิตทั้งหลายผู้มีกิเลสอันสงบแล้ว     ผู้อบรมกาย   วาจา    จิตและปัญญาแล้ว    ผู้
ประกอบด้วยความฝึกฝนและความสงบอย่างสูง  ชื่อว่า  การเห็นสมณะทั้งหลาย
การเข้าไปหาทั้งหมดเป็นต้นนั้น    ท่านกล่าวว่า  ทัสสนะ  (การเห็น)  เพราะ
ไม่ได้แสดงสิ่งที่ต่ำช้า  ข้อนี้พึงทราบว่าเป็นมงคล   เพราะเหตุไร   เพราะมีอุป-
การะมาก   และพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า    ภิกษุทั้งหลาย   เรากล่าวเเม้การ
เห็นว่ามีอุปการะมากแก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น   ดังนี้เป็นอาทิ   เพราะกุลบุตรที่
ปรารถนาประโยชน์     เห็นภิกษุทั้งหลายผู้ทรงศีลมาถึงประตูเรือน    ถ้าหากว่า
ไทยธรรมมีอยู่    ก็พึงต้อนรับด้วยไทยธรรม   ตามกำลัง    ถ้าหากว่าไทยธรรม
ไม่มี  ก็พึงไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์  เมื่อการไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์นั้น
ไม่สำเร็จ  (ไหว้ไม่สะดวก)   ก็พึงประคองอัญชลีนมัสการ   แม้เมื่อการประคอง
อัญชลีนมัสการนั้นไม่สำเร็จ  ก็พึงนั่งมองด้วยจิตที่เลื่อมใส   ด้วยนัยน์ตาทั้งสอง
ที่ประกอบด้วยความรัก   เพราะว่าด้วยบุญที่มีการมองดูอย่างนี้เป็นมูลเหตุ   โรค
นัยน์ตาก็ดี   โทษก็ดี   ฝ้าก็ดี  ไฝก็ดี  ย่อมไม่มีตลอดพันชาติเป็นอเนก   เขามี
หน้า ๑๘๗