๑๙๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๙๔
                สัมผัส  รวมทั้งธรรมที่น่าปรารถนา  และ
                ธรรมนี้ไม่น่าปรารถนา  หาได้ทำจิตซึ่งตั้งมั่น
                        หลุดพ้นแล้วของท่านผู้คงที่ให้หวั่นไหวไม่
                ทั้งท่านย่อมเห็นความสิ้นไปแห่งสภาวธรรม
                เหล่านั้นด้วย  ดังนี้
         จิตของพระขีณาสพเท่านั้น  ชื่อว่า   อโสกํ   ไม่เศร้าโศก.   จริงอยู่
จิตของพระขีณาสพเหล่านั้น    ชื่อว่า  ไม่เศร้าโศก   เพราะไม่มีความโศก  ที่ท่าน
เรียกกันโดยนัยว่า   ความโศก   ความเศร้าโศก    ความเป็นผู้เศร้าโศก   ความ
เศร้าโศกในภายใน  ความแห้งเกรียมในภายใน ความที่ใจเผาไหม้ ดังนี้เป็นต้น.
         อาจารย์บางพวก   เรียกจิตที่ไม่เศร้าโศกนี้ว่า  พระนิพพาน.
         จิตที่ไม่เศร้าโศกนั้น   ท่านไม่ต่อกับบทก่อน    (จิตที่ถูกโลกธรรม)
เหมือนอย่างว่า   คำว่าจิตไม่เศร้าโศกเป็นจิตของพระขีณาสพฉันใด    แม้คำว่า
จิตที่ปราศจากธุลี  จิตเกษม  ก็เป็นจิตของพระขีณาสพเหมือนกันฉันนั้น   ด้วยว่า
จิตของพระขีณาสพนั้น  ชื่อว่า  ปราศจากธุลี    เพราะเป็นจิตที่ปราศจากธุลีคือ
ราคะ   โทสะ   และโมหะ   และ  ชื่อว่า   เกษม   เพราะเป็นจิตที่ปลอดจากโยคะ
ทั้งสี่   เพราะจิตของพระขีณาสพนี้   แม้จะมี ๓ อย่าง   (อโสกํ  วิรชํ   เขมํ)
ด้วยสามารถที่ท่านถือเอาในปวัตติขณะนั้น ๆ   แสดงไว้โดยอาการนั้น ๆ   ก็พึง
ทราบว่า  เป็นมงคล  เพราะนำมาซึ่งความเป็นผู้ยอดเยี่ยมในโลก  มีความที่ขันธ์
ไม่เป็นไปอีกเป็นต้น   (ไม่ต้องเกิดอีก)  และนำมาซึ่งความเป็น  อาหุเนยยบุคคล
เป็นต้น.
๑. อัง. ฉักก. ๒๒/ ข้อ ๓๒๖.
หน้า ๑๙๓