๑๙๓    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๙๕
         ด้วยพระคาถานี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสมงคล ๔ ประการ  ความที่จิต
ไม่หวั่นไหว  ด้วยโลกธรรม ๘ อย่าง ๑  จิตไม่เศร้าโศก ๑ จิตปราศจากธุลี  ๑
จิตเกษม ๑  ดังพรรณนามาฉะนี้  ก็ความที่แห่งธรรมเหล่านี้เป็นมงคล   ข้าพเจ้า
ได้อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว   ในมงคลนั้น  ๆ นั่นแหละ  ดังนี้แล
                            จบการพรรณนาเนื้อความ  แห่งคาถาที่ว่า
                                    ผุฏฺ€สฺส    โลกธมฺเมหิ  เป็นต้นนี้
คาถาที่  ๑๑
         พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสมงคล  ๓๘  ประการ  ด้วยพระคาถา ๑๐ พระ-
คาถาว่า  อเสวน   จ  พาลานํ  ดังนี้เป็นต้น   ดังพรรณนามาฉะนี้.    บัดนี้
เมื่อจะทรงชมเชยมงคล ที่พระองค์ตรัสไว้เหล่านี้แล  จึงได้ตรัสพระคาถาสุดท้าย
นี้ว่า  เอตาทิสานิ   กตฺวาน  ดังนี้เป็นต้น.
         การพรรณนาเนื้อความแห่งพระคาถาสุดท้ายนั้น  มีดังต่อไปนี้.
         คำว่า  เอตาทิสานิ  ความว่า  มงคลทั้งหลาย   มีการไม่เสพพวกคน
พาลเป็นต้น   เช่นนี้   เหล่านี้   คือที่มีประการอันเรากล่าวแล้ว.
         บทว่า   กตฺวาน  ได้แก่ การทำแล้ว จริงอยู่บท ๓ บท คือ   กตฺวาน
กตฺวา   กริตฺวา  โดยเนื้อความก็ไม่ใช่อื่น  (ถือเป็นอันเดียวกัน)
         บทว่า  สพฺพตฺถมปราชิตา  ความว่า  เป็นผู้แม้อันศัตรูอย่างหนึ่งใน
บรรดาศัตรู  ๔ ประเภท   อันต่างโดยขันธมาร   กิเลสมาร   อภิสังขารมาร   และ
เทวปุตตมาร   จะให้พ่ายแพ้ไม่ได้  อธิบายว่า   ทำมารทั้ง  ๔  ประเภทเหล่านั้น
หน้า ๑๙๔