๑๙๕    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๙๗
         ต่อจากนั้นในวันที่   ๒    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกพระอานนทเถระ
มาแล้วตรัสว่า   ดูก่อนอานนท์    เมื่อคืนนี้เทวดาองค์หนึ่งเข้ามาหาเราแล้วถาม
มงคลปัญหา  เมื่อเป็นเช่นนี้   เราจึงได้กล่าวมงคล ๓๘ ประการ  แก่เทวดานั้น
ดูก่อนอานนท์   เธอจงเรียนมงคลนี้    ครั้นเรียนมงคลปริยาขึ้นแล้วจงบอกภิกษุ
ทั้งหลาย.   พระเถระเรียนเอาแล้ว   จึงได้บอกภิกษุทั้งหลาย    มงคลสูตรนี้นั้น
อาจารย์นำสืบ ๆ กันมา  ย่อมเป็นมาได้จนถึงทุกวันนี้  พรหมจรรย์นี้พึงทราบ
ว่า  เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  ประกาศดีแล้ว   จนกระทั่งบริบูรณ์  แพร่หลาย
กว้างขวาง  มีคนรู้กันมาก   และเป็นปึกแผ่น  ด้วยประการฉะนี้.
สรุปมงคล  ๓๘
         บัดนี้  เพื่อความฉลาดในการอบรมญาณ ในมงคลเหล่านี้นั้น  แหละ จึง
มีโยชนา  (วาจาประกอบการอธิบายความให้เชื่อมกัน)  จำเดิมแต่ต้นดังต่อไปนี้.
         สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้   ผู้ใคร่ต่อความสุขในโลกนี้  โลกหน้าและโลกุตร-
สุข   ละการเสพคนพาล  อาศัยบัณฑิตทั้งหลาย  บูชาซึ่งบุคคลทั้งหลาย  ที่ควร
บูชา    อันการอยู่ในประเทศอันสมควร    และการเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้วใน
ปางก่อน  ตักเตือนอยู่  ในการสั่งสมกุศล   จึงตั้งตนไว้ชอบ  มีอัตภาพอันประดับ
แล้ว  ด้วยพาหุสัจจะ  ศิลปะ   และวินัย   กล่าวอยู่ซึ่งวาจาสุภาษิต   อันสมควร
แก่วินัย    ตนยังไม่ละความเป็นคฤหัสถ์ตราบใด   ก็ชำระหนี้เก่าโดยการเลี้ยงดู
มารดาบิดาอยู่ตราบนั้น     ประกอบหนี้ใหม่ด้วยการสงเคราะห์บุตรและภรรยาอยู่
บรรลุถึงความสำเร็จแห่งสมบัติ     มีทรัพย์และข้าวเปลือกเป็นต้น      ด้วยความ
เป็นผู้มีการงานไม่อากูล     ถือเอาสาระแห่งโภคะด้วยการให้ทานและสาระแห่ง
หน้า ๑๙๖