๑๙๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๑๙๘
ชีวิตด้วยการประพฤติธรรม     กระทำประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนของตน   ด้วยการ
สงเคราะห์ญาติ   และกระทำประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนอื่น  ด้วยการประกอบการงาน
ที่ปราศจากโทษ  เว้นการเบียดเบียนคนอื่น   ด้วยการงดจากบาปและการเบียด-
เบียนตน  ด้วยการสำรวมจากการดื่มน้ำเมา  เจริญธรรมฝ่ายกุศลทั้งหลาย  ด้วย
ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย  สละเพศคฤหัสถ์   ด้วยความเป็นผู้ฉลาดใน
กุศลธรรมที่ตนเจริญแล้ว   แม้ดำรงอยู่แล้วในความเป็นบรรพชิต   ก็ยินดีความ
ถึงพร้อมด้วยวัตร   ด้วยความเคารพและความอ่อนน้อม    ในทักขิเณยยบุคคล
ทั้งหลาย    มีพระพุทธเจ้า   พุทธสาวก   อุปัชฌาย์และอาจารย์เป็นต้น.    สละ
ความคิดในปัจจัย  ด้วยความสันโดษ  ดำรงอยู่ในสัปปุริสภูมิ  ด้วยความกตัญญุ
ละจิตที่ท้อแท้เสียได้ด้วยการฟังธรรม  ครอบงำอันตรายทั้งปวงเสียได้ด้วยความ
อดทน  ทำคนให้มีที่พึ่งด้วยการเป็นผู้ว่าง่าย  เห็นอยู่ซึ่งการประกอบความเพียร
ในการปฏิบัติ   ด้วยการเห็นสมณะ  บรรเทาความสงสัยในธรรมทั้งหลายอันเป็น
ที่ตั้งแห่งความสงสัยเสียได้ด้วยการสนทนาธรรม  ทำศีลวิสุทธิให้บริบูรณ์  ด้วย
การสำรวมอินทรีย์และตบะ   ทำจิตตวิสุทธิให้บริบูรณ์ด้วยพรหมจรรย์คือสมณ-
ธรรม  ทำวิสุทธิอีก ๔ อย่างที่เหลือจากนั้นให้บริบูรณ์  (ทิฏฐิ,  กังขา,  มัคคา,
ปฏิปทา)  บรรลุญาณทัสสนวิสุทธิ.  อันเป็นปริยายแห่งอริยสัจจทัสสนะ  ด้วย
ปฏิปทา   (ข้อปฏิบัติ)  นี้     ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน     กล่าวคือ
อรหัตผล     ซึ่งครั้นทำให้แจ้งแล้ว     ก็เป็นผู้มีจิตไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรม  ๘
ดุจภูเขาสิเนรุไม่หวั่นไหว   เพราะลมและฝนฉะนั้น     จึงเป็นบุคคลที่ไม่เศร้าโศก
มีจิตปราศจากธุลี  มีจิตเกษม  ก็บุคคลเหล่าใดเป็นผู้มีจิตเกษม   บุคคลเหล่านั้น
หน้า ๑๙๗