๒๐๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๐๔
         ถามว่า   ก็เพราะเหตุไร  ยักษ์ทั้งสองนั้นจึงก้าวเข้าไป   ข้าพเจ้าจะกล่าว
ต่อไป.
         ในบรรดายักษ์ทั้งสองนั้น     จะได้พูดถึงยักษ์ตนหนึ่งก่อน  คือ  ใน
อดีตกาล   ชายผู้หนึ่งไม่ได้บอกกล่าวเลย  ถือเอาน้ำมันของสงฆ์ไปทาสรีระของคน
เพาะกรรมนั้นเขาจึงไหม้ในนรก  และมาบังเกิดในกำเนิดยักษ์   ที่ฝั่งแห่งสระ
โบกขรณีแห่งคยา  เขามีอวัยวะแปลกประหลาด   ด้วยวิบากอันเหลือลงแห่งกรรมนั้น
นั่นเอง  และผิวหนังของเขามีสัมผัสหยาบเช่นกับกระเบื้องอิฐ  ได้ยินว่า   เมื่อใด
เขาต้องการจะให้ผู้อื่นกลัว  เมื่อนั้น    เขาก็ขยายผิวหนังอันเช่นกับกระเบื้องทำให้
กลัว   ยักษ์นั้นจึงได้นามว่า    ขรยักษ์    ก็เพราะเหตุที่มีสัมผัสหยาบนั้นเอง
ด้วยประการฉะนี้.
         (ส่วน)  สูจิโลกยักษ์นอกนี้   ในสมัยแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
กัสสปะ  เป็นอุบาสกไปวัดฟังธรรมเดือนละ  ๘  ครั้ง   วันหนึ่งเมื่อเขาประกาศ
การฟังธรรมกัน    เขาก็เล่นอยู่ที่นาของตน    ใกล้ประตูสังฆาราม    ฟังเสียงการ
โฆษณาแล้ว  ก็คิดว่า   ถ้าว่าเราจะอาบน้ำไซร้   ก็จักชักช้า  ดังนี้  ทั้ง ๆ ที่มี
ร่างกายสกปรกนั้นเอง   ก็เข้าไปยังโรงอุโบสถ แล้วก็นอนหลับไปบนเครื่องลาด
อันมีค่ามาก   ด้วยความไม่เอื้อเฟื้อ   อาจารย์ทั้งหลายผู้กล่าวคัมภีร์สังยุตตนิกาย
กล่าวว่า   เขาผู้นี้เป็นภิกษุนั้นเอง   หาใช่อุบาสกไม่  ด้วยกรรมนั้น   และด้วย
กรรมอื่นอีก  เขาจึงไหม้ในนรก  และมาเกิดในกำเนิดยักษ์ที่ฝั่งแห่งสระโบกขรณี
เขาเป็นผู้มีรูปร่างน่าเกลียดด้วยวิบากอันเหลือลงแห่งกรรมนั้น     ก็ที่กายของ
สูจิโลมยักษ์นั้นมีขนเหมือนเข็ม    ก็ยักษ์นั้นทำสัตว์ทั้งหลายที่ควรให้ตกใจ  ให้
หน้า ๒๐๓