๒๐๕    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๐๗
กามคุณทั้งห้า  ๑  ความสะดุ้งแห่งจิต   ที่ถึงความนับว่าขนพองสยองเกล้าเพราะ
เป็นที่ตั้งแห่งความสะดุ้งกลัว ๑  เกิดจากอะไร.
         สองบทว่า  กุโต   สมุฏฺ€าย  ได้แก่  เกิดแต่ไหน ?
         คำว่า  มโน  หมายถึง  กุศลจิต.
         วิตก ๙ อย่างมีกามวิตกเป็นต้น    ซึ่งท่านกล่าวไว้ในอุรคสูตร   ชื่อว่า
วิตกฺกา.  ด้วยบาทพระคาถาว่า   กุมารกา  ธงฺกมิโวสฺสชนฺติ  สูจิโลมยักษ์
ถามว่า  พวกเด็กชาวบ้านเล่นอยู่    เอาด้ายผูกตีนกาไว้แล้ว    ปล่อยไป  ได้แก่
โยนไป ฉันใด อกุศลวิตกเกิดขึ้นแต่ที่ไหน  ย่อมหยั่งลงสู่ใจคือกุศล  ฉันนั้น.
         ครั้งนั้น     พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงแก้ปัญหาเหล่านั้นของสูจิโลม
ยักษ์นั้น  จึงได้ตรัสคาถาที่สองว่า  ราโค  จ  เป็นต้น.
         บรรดาบทเหล่านั้น  บทว่า  อิโต   พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายถึง
อัตภาพ.   จริงอยู่   ราคะและโทสะเกิดจากอัตภาพ   ความไม่ยินดี    ความยินดี
และความขนพองสยองเกล้าก็เกิดจากอัตภาพ    และอกุศลวิตกมีกามวิตกเป็นต้น
ก็ตั้งขึ้นจากอัตภาพเหมือนกัน  แล้วหยั่งลงไปในใจคือกุศล  พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงห้ามถึงเหตุ     มีปกติเป็นต้นอย่างอื่นนั้น     ด้วยคำว่า    อัตภาพนั้น
จึงตรัสว่า  เกิดแล้วแต่อัตภาพนี้   คือเกิดขึ้นแต่อัตภาพนี้  ชื่อว่า ตั้งขึ้น
พร้อมแล้ว  แต่อัตภาพนี้.  ก็ความสำเร็จแห่งศัพท์   ในคำว่า  อิโต   สมุฏฺ€าย
มโน  วิตกฺกา  เป็นต้นนี้  พึงทราบโดยนัยที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้วในคาถาที่   ๑.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า   ครั้นทรงวิสัชนาปัญหาเหล่านั้นอย่างนี้แล้ว   เมื่อ
จะทรงยังเนื้อความที่พระองค์ตรัสไว้ว่า  วิตกทั้งหลายเกิดแล้วแต่อัตภาพ   คือ
เกิดจากอัตภาพ  มีสมุฏฐานแต่อัตภาพ     ในคำทั้งหลายมีคำว่า  อิโต   นิทานา
เป็นต้น   ให้สำเร็จ  จึงตรัสว่า  เสฺนหชา  อตฺตสมฺภูตา  เป็นต้น.
หน้า ๒๐๖