๒๐๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๐๘
         กิเลสทั้งปวงมีราคะเป็นต้นเหล่านี้   มีวิตกเป็นปริโยสาน   เกิดด้วยความ
เยื่อใย   ด้วยอำนาจตัณหา    และเมื่อเกิดขึ้นอยู่อย่างนั้น     ชื่อว่าเกิดแล้วในตน
อันเป็นปริยายแห่งอัตภาพ  ซึ่งต่างโดยอุปาทานขันธ์  ๕  เพราะเหตุนั้น  พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า   เสฺนหชา   อตฺตสมฺภูตา    บทนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงกระทำอุปมา  ซึ่งส่องถึงเนื้อความนั้น  จึงตรัสว่า  นิโคฺรธสฺเสว  ขนฺธชา
เหมือนย่านไทรเกิดแต่ต้นไทรฉะนั้น      ย่านทั้งหลายเกิดแล้วที่ลำต้นทั้งหลาย
ในต้นไทรนั้น     ชื่อว่าเกิดแล้วแต่ลำต้น.
         คำว่า  ขนฺธชา  เป็นชื่อของย่านไทรทั้งหลาย.
         ถามว่า   ท่านกล่าว  อธิบายไว้อย่างไร.
         ตอบว่า  ท่านกล่าวอธิบายไว้ว่า    ย่านไทรทั้งหลาย    ชื่อว่าเกิดแล้ว
แต่ลำต้นของต้นไทร.    เมื่อยางเหนียวแห่งรสอันเกิดแต่น้ำยังมีอยู่    ก็ย่อมเกิด
ขึ้นได้  และเมื่อเกิดขึ้น  ก็ย่อมเจริญขึ้น  ในประเภทแห่งกิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ๆ
ที่ต้นไทรนั้นเอง ฉันใด กิเลสทั้งหลายมีราคะเป็นต้นเหล่านี้    ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เมื่อความเสน่หาคือตัณหาในภายในยังมีอยู่   ก็เกิดขึ้นได้  และเมื่อเกิดขึ้น  ก็ย่อม
เจริญขึ้นในทวาร  อารมณ์  และวัตถุทั้งหลาย   อันต่างด้วยประเภทมีจักษุเป็นต้น
เหล่านั้น  ๆ  ในอัตภาพนั้นนั่นเอง.  คำว่า  กิเลสทั้งหลายมีราคะเป็นต้นเหล่านี้
เกิดแต่อัตภาพ   เกิดจากอัตภาพ   และมีอัตภาพเป็นสมุฏฐานดังนี้.  นี้   บัณฑิต
พึงทราบ   ดังพรรณนามา.
         ส่วนในคาถากึ่งที่เหลือ   มีการพรรณนาเนื้อความ   ซึ่งอธิบายรวม ๆ
กันทั้งหมด  ดังต่อไปนี้ :-
         ก็กิเลสทั้งหลายเหล่านี้เป็นอันมาก  ซึ่งเกิดแล้วในตนอย่างนี้   ซ่านไป
แล้วในกามทั้งหลาย  คือว่า  กิเลสทั้งหลายเหล่านี้แม้ทั้งสิ้น  โดยประการทั้งปวง
หน้า ๒๐๗