๒๐๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๑๐
และซึ่งการละสมุทัย   ด้วยการบรรเทาหมู่แห่งกิเลส   มีราคะเป็นต้น    อันเป็น
ยางเหนียวคือตัณหา    สัตว์เหล่าใดย่อมบรรเทาหมู่แห่งกิเลสนั้นเสียได้    สัตว์
เหล่านั้นชื่อว่า   ย่อมข้ามพ้นโอฆะอันข้ามได้โดยยาก  คือ  ที่ตนยังไม่เคยข้าม.
         ด้วยบทว่า  อปุนพฺภวาย  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงมรรคภาวนา
และการทำนิโรธให้แจ้ง   อธิบายว่า   ก็สัตว์เหล่าใด   ย่อมบรรเทาหมู่แห่งกิเลส
นั้นเสียได้    สัตว์เหล่านั้น   ชื่อว่า   อบรมมรรคโดยแท้    ด้วยว่าหากเว้นจาก
มรรคภาวนาเสียแล้ว   การบรรเทากิเลสจะมีไม่ได้  และสัตว์เหล่าใดอบรมมรรค
อยู่   สัตว์เหล่านั้น  ชื่อว่าย่อมข้ามโอฆะ   แม้ทั้ง ๔ อย่าง   มีกามโอฆะเป็นต้น
นี้เสียได้   ด้วยญาณปกติ    ที่ข้ามได้โดยยาก   จริงอยู่    การข้ามโอฆะจะมีได้
ก็เพราะมรรคภาวนา.
         บทว่า  อติณฺณปุพฺพํ  ได้แก่ ที่ตนยังไม่เคยข้ามไป  แม้ในที่สุดแห่ง
ความฝัน  โดยระยะกาลอันยาวนานนี้.
         บทว่า   อปุนพฺภวาย  ได้แก่  เพื่อพระนิพพาน.
         ยักษ์ที่เป็นสหายกันแม้ทั้งสองเหล่านั้น      ฟังถ้อยคำที่แสดงสัจจะ ๔
ประการนี้  ดังนี้    ก้าวเข้าไปอยู่โดยลำดับ  ด้วยปัญญาที่ตนอบรมดีแล้วอย่างไร
ดังคำเป็นต้นว่า ภิกษุทั้งหลาย  ครั้นฟังแล้ว  ย่อมทรงจำธรรมไว้ได้  ย่อมเข้าไป
ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ตนทรงจำไว้ได้แล้ว  ดังนี้   ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
ในที่สุดแห่งคาถานั้นเอง    เป็นผู้มีความเลื่อมใส     และเป็นผู้มีผิวพรรณเพียง
ดังทอง  ประดับด้วยอลังการอันเป็นทิพย์น่าเลื่อมใส.
                จบการพรรณนาสูจิโลมสูตร  แห่งอรรถกถาขุททกนิกาย
                                        ชื่อ  ปรมัตถโชติกา
หน้า ๒๐๙