๒๑๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๑๙
อันความวิปฏิสารครอบงำ   ใช้ศีรษะฟาดเรือแล้วก็ตายไปเกิดในมหานรก  มหา-
ชนเกิดความสังเวช    ขนลุกชูชัน. ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรม
อันสมควรแก่ขณะนั้น    ในบริษัท   ซึ่งมีทั้งคฤหัสถ์เเละบรรพชิตที่มาพร้อมกัน
ได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว.
         การประพฤติธรรมมีกายสุจริตเป็นต้น ชื่อว่า   ธมฺมจริยํ  ในพระคาถา
นั้น.  มรรคพรหมจรรย์  ชื่อว่า  พฺรหฺมจริยํ.
         บาทพระคาถาว่า เอตทาหุ  วสุตฺตมํ  ความว่า พระอริยเจ้าทั้งหลาย
กล่าวถึงการประพฤติสุจริตทั้งที่เป็นโลกีย์และโลกุตระแม้ทั้งสองนี้ว่า เป็นสมบัติ
สูงสุด เพราะยังสัตว์ให้ประสบความสุขในสวรรค์และนิพพาน อธิบายว่า รัตนะ
อันอุดมคือรัตนะที่ไม่ทั่วไปแก่ชนทั้งหลายมีพระราชาเป็นต้น   เพราะเป็นรัตนะ
ที่สามารถติดตามชนทั้งหลายผู้สั่งสมบุญไว้  ชื่อว่า  วสุตตมะ.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้น  ทรงแสดงว่าการปฏิบัติชอบเท่านั้นย่อมเป็นที่พึ่ง
ของคฤหัสถ์เเละบรรพชิตได้   ด้วยคำมีประมาณเท่านี้   บัดนี้เมื่อจะทรงติเตียน
พระภิกษุชื่อกปิละหรือภิกษุผู้เช่นนั้นเหล่าอื่น  ด้วยการแสดงความไม่มีสาระใน
บรรพชา  ที่เว้นจากการปฏิบัติจึงตรัสว่า  ปพฺพชิโตปิ  เจ  โหติ  เป็นต้น.
         ในคำว่า.   ปพฺพชิโตปิ  เจ  โหติ  นี้  มีการพรรณนาเนื้อความดังต่อ
ไปนี้ :-
         ก็ผู้ใดผู้หนึ่งสละเพศคฤหัสถ์      ถ้าแม้บวชด้วยการบวชไม่มีเรือนจาก
เรือน  มีเนื้อความตามที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้วในตอนต้น    ด้วยการเข้าถึงเหตุสักว่า
การปลงผมและการนุ่งผ้าย้อมฝาดเป็นต้น  ถ้าหากว่าเป็นคนปากกล้า  คือว่าเป็น
หน้า ๒๑๘