๒๑๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๒๐
ผู้พูดคำหยาบ  ยินดีในการเบียดเบียน  เพราะพอใจในการเบียดเบียนอันมีประ
การต่าง ๆ  เป็นผู้ประดุจเนื้อร้าย   เพราะเป็นผู้เช่นกับเนื้อร้าย   เพราะไม่มีหิริ
โอตตัปปะ
         บาทคาถาว่า  ชีวิตํ  ตสฺส   ปาปิโย  ความว่า ชีวิตของบุคคลนั้น  คือ
ผู้เห็นปานนั้น เป็นบาปยิ่ง  คือ  เลวยิ่ง.
         ถามว่า  เพราะเหตุไร  ?
         ตอบว่า   เพราะทำธุลีมีประการต่าง ๆ มีราคะเป็นต้นของตนให้เจริญ
ขึ้น  ด้วยการปฏิบัติผิดนี้.    ก็ชีวิตของบุคคลนั้นจะเป็นชีวิตที่ชั่ว     ด้วยเหตุนี้
อย่างเดียวเท่านั้นก็หามิได้     แต่โดยที่แท้บุคคลเห็นปานนี้   นี้    ได้แก่ภิกษุที่
ยินดีในการทะเลาะ  เพราะเป็นคนมีปากจัด  ถูกโมหะธรรมรึงรัดแล้ว    เพราะ
ถึงความงมงายในการที่จะรู้แจ้งซึ่งอรรถแห่งสุภาษิต    ย่อมไม่ทราบแม้ซึ่งคำที่
ภิกษุทั้งหลายผู้มีศีลเป็นที่รักกล่าวแล้ว   โดยนัยมีอาทิอย่างนี้ว่า  ท่านกปิละผู้มี
อายุ  ท่านอย่าได้พูดอย่างนี้.  จงยึดถือเรื่องนั้นโดยปริยายนี้   ไม่รู้จักพระธรรม
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้  คือไม่รู้จักพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้  แม้ตน
จะกล่าวอยู่โดยประการต่าง ๆ แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น    ชีวิตของภิกษุนั้นชื่อว่าเป็น
ชีวิตชั่ว   (เพราะว่า) ในครั้งนั้น  ภิกษุเห็นปานนี้นั้น   เพราะเหตุที่ตนพอใจใน
การเบียดเบียน   เมื่อเบียดเบียนอยู่ซึ่งตนที่อบรมแล้ว    คือว่าเบียดเบียนอยู่ซึ่ง
ภิกษุขีณาสพผู้มีตนอันอบรมแล้ว   มีพระโสธนเถระเป็นต้น   โดยนัยเป็นต้นว่า
" ท่านทั้งหลายซึ่งบวชเมื่อแก่เฒ่า     ย่อมไม่รู้พระวินัย     ไม่รู้พระสูตร   ไม่รู้
พระอภิธรรม"  ดังนี้.
หน้า ๒๑๙