๒๓๔    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๓๖
ลงโดยอเนกปริยายอย่างนี้ว่า   เพื่อให้ชื่นชมโดยให้เกิดความชื่นชม    กล่าวคือ
ปีติปราโมทย์     และเพื่อให้ระลึกถึงกาลแม้นานได้      คือให้เป็นไปชั่วนิรันดร์
เพราะเป็นผู้มีอรรถะและพยัญชนะไพเราะ   อันพระอรหันต์พึงชื่นชม   และให้
ระลึกถึง   โดยความเป็นคำที่พระอรหันต์พึงระลึกถึง   ถ้อยคำที่พึงชื่นชมโดยมี
ความสุขในขณะที่ฟังอยู่    และให้ระลึกถึง   โดยมีความสุขในขณะที่ระลึกถึงอยู่
เป็นถ้อยคำที่จะพึงชื่นชม   เพราะเป็นถ้อยคำที่บริสุทธิ์โดยพยัญชนะ   เป็นถ้อย
คำที่จะพึงระลึกถึง  โดยเป็นถ้อยคำที่บริสุทธิ์โดยอรรถะเหมือนอย่างนั้น  เป็นผู้
ใคร่จะถามถึงประโยชน์ที่ตนมา  ได้นั่งอยู่  ณ  ที่ควรข้างหนึ่ง.
         คำนั้น     ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในอรรถกถามงคลสูตร  โดยนัยว่า
                        ไม่นั่งข้างหลัง  ไม่นั่งข้างหน้า  ไม่
                นั่งใกล้   ไม่นั่งไกล   ไม่นั่งข้าง ๆ   ไม่นั่ง
                เหนือลม  ไม่นั่งที่ต่ำ  ไม่นั่งที่สูง  ดังนี้เป็นต้น
         พราหมณ์มหาศาลเหล่านั้น        ผู้นั่งอยู่แล้ว  ณ ส่วนข้างหนึ่งอย่างนี้แล
ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้า.
         ถามว่า  พวกพราหมณ์เหล่านั้นกราบทูลว่าอย่างไร ?
         ตอบว่า  พราหมณ์เหล่านั้นได้กราบทูลคำเป็นต้นว่า   สนฺทิสฺสนฺติ
นุ  โข ดังนี้.   คำทั้งหมดนั้นมีเนื้อความตื้นทั้งนั้น.  ก็ในคำว่า  สนฺทิสฺสนฺติ
นุ   โข  เป็นต้นนี้   พึงทราบเพียงอธิบาย  ที่ไม่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นบทเหล่านี้
โดยนัยนี้.
         สองบทว่า  พฺราหฺมณานํ  พฺราหฺมณธมฺเม    ความว่า  พราหมณ์
ธรรมใด   ละทิ้งธรรมอันเนื่องด้วยกาละและเทศะเป็นต้นเสียแล้ว, ในพราหมณ์
ธรรมนั้นเท่านั้น.
หน้า ๒๓๕