| ลงโดยอเนกปริยายอย่างนี้ว่า เพื่อให้ชื่นชมโดยให้เกิดความชื่นชม กล่าวคือ |
| ปีติปราโมทย์ และเพื่อให้ระลึกถึงกาลแม้นานได้ คือให้เป็นไปชั่วนิรันดร์ |
| เพราะเป็นผู้มีอรรถะและพยัญชนะไพเราะ อันพระอรหันต์พึงชื่นชม และให้ |
| ระลึกถึง โดยความเป็นคำที่พระอรหันต์พึงระลึกถึง ถ้อยคำที่พึงชื่นชมโดยมี |
| ความสุขในขณะที่ฟังอยู่ และให้ระลึกถึง โดยมีความสุขในขณะที่ระลึกถึงอยู่ |
| เป็นถ้อยคำที่จะพึงชื่นชม เพราะเป็นถ้อยคำที่บริสุทธิ์โดยพยัญชนะ เป็นถ้อย |
| คำที่จะพึงระลึกถึง โดยเป็นถ้อยคำที่บริสุทธิ์โดยอรรถะเหมือนอย่างนั้น เป็นผู้ |
| ใคร่จะถามถึงประโยชน์ที่ตนมา ได้นั่งอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง. |
| คำนั้น ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในอรรถกถามงคลสูตร โดยนัยว่า |
| ไม่นั่งข้างหลัง ไม่นั่งข้างหน้า ไม่ |
| นั่งใกล้ ไม่นั่งไกล ไม่นั่งข้าง ๆ ไม่นั่ง |
| เหนือลม ไม่นั่งที่ต่ำ ไม่นั่งที่สูง ดังนี้เป็นต้น |
| พราหมณ์มหาศาลเหล่านั้น ผู้นั่งอยู่แล้ว ณ ส่วนข้างหนึ่งอย่างนี้แล |
| ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้า. |
| ถามว่า พวกพราหมณ์เหล่านั้นกราบทูลว่าอย่างไร ? |
| ตอบว่า พราหมณ์เหล่านั้นได้กราบทูลคำเป็นต้นว่า สนฺทิสฺสนฺติ |
| นุ โข ดังนี้. คำทั้งหมดนั้นมีเนื้อความตื้นทั้งนั้น. ก็ในคำว่า สนฺทิสฺสนฺติ |
| นุ โข เป็นต้นนี้ พึงทราบเพียงอธิบาย ที่ไม่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นบทเหล่านี้ |
| โดยนัยนี้. |
| สองบทว่า พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณธมฺเม ความว่า พราหมณ์ |
| ธรรมใด ละทิ้งธรรมอันเนื่องด้วยกาละและเทศะเป็นต้นเสียแล้ว, ในพราหมณ์ |
| ธรรมนั้นเท่านั้น. |