๒๓๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๔๑
         บรรดาบทเหล่านั้น   บทว่า  วิชฺชาปริเยฏฺ€ิ   ได้แก่  การแสวงหา
มนต์    สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า     พราหมณ์นั้นเรียนมนต์ทั้งหลายอยู่
ประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่เป็นเด็กตลอด ๔๘ ปี.
         บทว่า  จรณปริเยฏฺ€ิ  ได้แก่ การรักษาศีล  พระบาลีว่า  วิชฺชาจรณ-
ปริเยฏฺ€ิ  ดังนี้ก็มี  ความว่า   ได้เที่ยวไปเพื่อแสวงหาวิชชาและจรณะ  อธิบาย
ว่า  พราหมณ์ทั้งหลายเป็นผู้เสมอด้วยเทวดา   หรือเป็นผู้มีมารยาท   ประพฤติ
พรหมจรรย์ตามที่กล่าวแล้ว    ต่อจากประพฤติพรหมจรรย์นั้นแล้ว   แม้มาครอง
ฆราวาส   ก็ไม่ถึงหญิงอื่นไม่ว่าจะเป็นหญิงกษัตริย์     หรือหญิงคนใดคนหนึ่ง
ในบรรดาหญิงทั้งหลาย   มีหญิงแพศย์  (พ่อค้า) เป็นต้น.   ต่อแต่นั้น   พราหมณ์
เหล่านั้น  หาได้ให้เงิน  ๑๐๐ หรือ  ๑๐๐๐  กหาปณะแล้วซื้อภรรยามาไม่  เหมือน
อย่างบุคคลบางจำพวก   ที่ซื้อภรรยากันในปัจจุบัน   พราหมณ์เหล่านั้น  ย่อม
แสวงหาภรรยาโดยธรรม คืออย่างไร คือพราหมณ์ทั้งหลาย(เหล่าอื่น)ประพฤติ
พรหมจรรย์สิ้นเวลา ๔๘ ปี  (สึกแล้ว) แล้วเที่ยวขอหญิงสาวในวันนั้นนั่นเอง
ด้วยการกล่าวว่า  ข้าพเจ้าประพฤติพรหมจรรย์มาเป็นเวลา  ๔๘  ปี   ถ้าหากว่า
เด็กหญิงที่ถึงพร้อมด้วยวัยแล้วมีอยู่    ขอให้พวกท่านจงให้แก่ข้าพเจ้า   ต่อแต่
นั้น   บุคคลซึ่งมีธิดาที่เจริญวัย   ประดับประดาธิดานั้นแล้ว    นำออกมาให้ใน
มือของพราหมณ์    ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูนั้นเอง    เมื่อจะหลั่งน้ำก็กล่าวว่า   ข้าแต่
พราหมณ์   ข้าพเจ้าให้ธิดานี้   เพื่อเป็นภรรยาของท่าน    เพื่อประโยชน์แก่การ
เลี้ยงดู  ดังนี้แล้วก็ให้ไป  ถ้าหากว่าชนทั้งหลายถามว่า ก็เพราะเหตุไรพราหมณ์
เหล่านั้นแม้เที่ยวประพฤติพรหมจรรย์นานอย่างนี้แล้ว      ก็ยังแสวงหาภรรยาอยู่
หน้า ๒๔๐