| สองบทว่า อญฺตฺร ตมฺหา ความว่า ในสมัยที่มีระดูอันใด |
| พราหมณ์พึงเข้าถึงนางพราหมณี ในสมัยนั้น คือ เว้นซึ่งสมัยนั้น พราหมณ์ |
| ผู้สามีก็ไม่ร่วมกับภรรยา ผู้เว้นแล้วจากระดู คือผู้เว้นจากระดู ตราบเท่าที่สมัยนั้น |
| ยังไม่มาถึงอีก คือย่อมไม่ร่วมในระหว่างโดยแท้. |
| บทว่า เมถุนฺธมฺมํ ได้แก่ เพื่อธรรมของคนคู่ กล่าวกันว่า เมถุนํ |
| ธมฺมํ นั้น เป็นทุติยาวิภัตติ ใช้ในอรรถจตุตถีวิภัตติ. |
| สองบทว่า นาสฺสุ คจฺฉนฺติ ได้แก่ ย่อมไม่ถึง. |
| อธิบายว่า ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นผู้เสมอด้วยเทพและมีมรรยาท |
| ชื่อว่า พราหมณ์ แต่โดยไม่แปลกกัน คนแม้ทุกจำพวกพึงสรรเสริญ |
| พรหมจรรย์ ฯลฯ. |
| เมถุนวิรัติ ชื่อว่า พรหมจรรย์ ในคาถานั้น. |
| สิกขาบท ๔ ที่เหลือ ชื่อว่า ศีล. |
| ความเป็นผู้ซื่อตรง ชื่อว่า อาชวะ โดยความก็คือ ความเป็นผู้ไม่ |
| โอ้อวด ความเป็นผู้ไม่มีมายา. |
| ความเป็นผู้อ่อนโยน ชื่อว่า มัททวะ โดยอรรถก็คือ ความไม่แข็ง |
| กระด้าง และความไม่ถือตัว. |
| การสำรวมอินทรีย์ ชื่อว่า ตปะ. |
| ความเป็นผู้สงบเสงี่ยม ความมีสุขโดยปกติ ความประพฤติเรียบร้อย |
| ไม่น่ารังเกียจ ชื่อว่า โสรัจจะ. |
| ความเป็นผู้มีชาติแห่งผู้ไม่เบียดเบียนกันด้วยฝ่ามือเป็นต้น ความเป็น |
| ผู้มีกรุณา ชื่อว่า อวิหิงสา. |