| ความอดทน คือความอดกลั้น (อธิวาสนขันติ) ชื่อว่า ขันติ. |
| พราหมณ์ทั้งหลายสรรเสริญคุณทั้งหลายเหล่านี้อย่างนี้ ส่วนพราหมณ์ |
| เหล่าใด ไม่อาจเพื่อยินดีในข้อปฏิบัติ โดยประการทั้งปวงได้ แม้พราหมณ์ |
| เหล่านั้น ก็มีปกติเห็นในคุณธรรมเหล่านั้นว่ามีประโยชน์ จึงสรรเสริญคือชมเชย |
| ด้วยวาจา ก็เมื่อพราหมณ์เหล่านั้นสรรเสริญอยู่อย่างนี้ว่า พราหมณ์ใดเป็นผู้ |
| เสมอด้วยพรหม เป็นผู้มีความบากบั่นมั่นคง เป็นผู้สูงกว่าพราหมณ์เหล่านั้น |
| และพราหมณ์นั้นย่อมไม่เสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้ความฝัน ดังนี้. |
| พระคาถาว่า โย จ เนสํ ฯเปฯ นาคมา ความว่า พราหมณ์ใด |
| เป็นผู้เสมอด้วยพรหม คือเป็นพราหมณ์ที่สูงสุดเสมอด้วยพระพรหม เป็นผู้สูง |
| สุดกว่าพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าเป็นผู้มีความบากบั่นมั่นคง เพราะประกอบ |
| ด้วยความบากบั่นอันมั่นคง. |
| วา ศัพท์ในคำว่า ส วา ใช้ในอรรถว่า ทำให้แจ่มแจ้ง. |
| ด้วย วา ศัพท์นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมยังพราหมณ์นั้นนั่นแล |
| ให้แจ่มแจ้งว่า พราหมณ์คนนั้น คือ คนเห็นปานนั้น. |
| สองบทว่า เมถุนํ ธมฺมํ ได้แก่ การเข้าถึงเมถุน. |
| สองบทว่า สุปินนฺเตปิ นาคมา ได้แก่ ไม่ถึงแม้โดยความฝัน |
| ตั้งแต่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ตรัสว่า พราหมณ์บางพวก ผู้มีชาติแห่งบุคคล |
| ผู้รู้แจ้งในโลกนี้ ศึกษาตามวัตรของพราหมณ์ ผู้เสมอด้วยพรหมนั้นอยู่ |
| สรรเสริญพรหมจรรย์ ศีล และแม้ขันติ ดังนี้. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงด้วยสามารถแห่งที่สุดเบื้องต้น |
| โดยนัยที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว ในคาถาที่ ๙ แห่งสูตรนี้นั้นแล จึงทรงประกาศ |