๒๔๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๔๔
         ความอดทน  คือความอดกลั้น  (อธิวาสนขันติ)  ชื่อว่า   ขันติ.
         พราหมณ์ทั้งหลายสรรเสริญคุณทั้งหลายเหล่านี้อย่างนี้    ส่วนพราหมณ์
เหล่าใด  ไม่อาจเพื่อยินดีในข้อปฏิบัติ   โดยประการทั้งปวงได้   แม้พราหมณ์
เหล่านั้น  ก็มีปกติเห็นในคุณธรรมเหล่านั้นว่ามีประโยชน์   จึงสรรเสริญคือชมเชย
ด้วยวาจา    ก็เมื่อพราหมณ์เหล่านั้นสรรเสริญอยู่อย่างนี้ว่า    พราหมณ์ใดเป็นผู้
เสมอด้วยพรหม  เป็นผู้มีความบากบั่นมั่นคง    เป็นผู้สูงกว่าพราหมณ์เหล่านั้น
และพราหมณ์นั้นย่อมไม่เสพเมถุนธรรม   โดยที่สุดแม้ความฝัน  ดังนี้.
         พระคาถาว่า  โย  จ  เนสํ  ฯเปฯ  นาคมา  ความว่า  พราหมณ์ใด
เป็นผู้เสมอด้วยพรหม   คือเป็นพราหมณ์ที่สูงสุดเสมอด้วยพระพรหม  เป็นผู้สูง
สุดกว่าพราหมณ์เหล่านั้น     ชื่อว่าเป็นผู้มีความบากบั่นมั่นคง    เพราะประกอบ
ด้วยความบากบั่นอันมั่นคง.
         วา  ศัพท์ในคำว่า  ส วา  ใช้ในอรรถว่า   ทำให้แจ่มแจ้ง.
         ด้วย  วา  ศัพท์นั้น   พระผู้มีพระภาคเจ้า  ย่อมยังพราหมณ์นั้นนั่นแล
ให้แจ่มแจ้งว่า  พราหมณ์คนนั้น   คือ  คนเห็นปานนั้น.
         สองบทว่า   เมถุนํ    ธมฺมํ   ได้แก่  การเข้าถึงเมถุน.
         สองบทว่า  สุปินนฺเตปิ   นาคมา   ได้แก่   ไม่ถึงแม้โดยความฝัน
ตั้งแต่นั้น    พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ตรัสว่า  พราหมณ์บางพวก ผู้มีชาติแห่งบุคคล
ผู้รู้แจ้งในโลกนี้    ศึกษาตามวัตรของพราหมณ์     ผู้เสมอด้วยพรหมนั้นอยู่
สรรเสริญพรหมจรรย์   ศีล   และแม้ขันติ   ดังนี้.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า     เมื่อจะทรงแสดงด้วยสามารถแห่งที่สุดเบื้องต้น
โดยนัยที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว   ในคาถาที่  ๙  แห่งสูตรนี้นั้นแล   จึงทรงประกาศ
หน้า ๒๔๓