| อีกอย่างหนึ่ง ก็เหตุที่แม้ธรรมคือการให้ (ทาน) ก็มีอยู่น้อยในธรรม |
| นี้ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อณุธมฺโม หมายเอาธรรม คือ |
| ทานที่น้อยนั้น. |
| บทว่า ปุราโณ ได้แก่ เป็นกาลเวลาที่ช้านานเพียงนั้น. |
| บาทพระคาถาว่า เอวํ ธมฺเม วิยาปนฺเน ได้แก่ เมื่อพราหมณธรรม |
| อันเป็นของเก่าฉิบหายแล้วอย่างนี้ พระบาลีว่า วิยาวตฺเต ดังนี้ก็มี อธิบายว่า |
| ได้แก่ เป็นธรรมที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น. |
| บาทพระคาถาว่า วิภินฺนา สุทฺธเวสฺสิกา ความว่า พวกศูทรและ |
| แพศย์ทั้งหลายสามัคคีกันอยู่ในกาลก่อน พวกเขาแม้เหล่านั้นก็แตกกัน. |
| บาทพระคาถาว่า ปุถุ วิภินฺนา ขตฺติยา ความว่า แม้พวกกษัตริย์ |
| เป็นอันมาก ก็แตกกัน. |
| บาทพระคาถาว่า ปตึ ภริยา อวมญฺถ ความว่า และภรรยาซึ่งสามี |
| ให้ดำรงอยู่ในพลังคือความเป็นใหญ่ เมื่อครองเรือน เป็นผู้เข้าถึงแล้วด้วยพลัง |
| ทั้งหลาย มีพลังแห่งบุตรเป็นต้น ดูหมิ่น ได้แก่ดูแคลน คือดูถูกสามี ได้แก่ |
| ไม่บำรุงโดยเคารพ. |
| พระคาถาว่า ขตฺติยา พรฺหฺมพนฺธู จ...กามานํ วสมาคมุํ |
| ความว่า พวกกษัตริย์และพวกพราหมณ์ พวกแพศย์และศูทรอื่นใดเป็นผู้ |
| แตกกันอย่างนี้แล้ว ผู้ชื่อว่าอันโคตรรักษาแล้ว เพราะอันโคตรของตน ๆ |
| รักษาไว้ โดยประการที่จะไม่ระคนปนกัน (กับวรรณะอื่นนอกจากวรรณะของ |
| ตน) พวกชนเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ทำวาทะว่าชาตินั้นฉิบหายแล้ว ได้แก่ทำ |
| วาทะแม้ทั้งปวงนี้ว่า เราเป็นกษัตริย์ เราเป็นพราหมณ์ เป็นต้นให้ฉิบหายแล้ว |