๒๖๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๖๔
         การถือปฏิสนธิและการออกจากครรภ์แห่งท่านทั้งสองนั้น    ได้มีแล้ว
ในวันเดียวกันเช่นกัน   ญาติทั้งหลายได้ตั้งชื่อให้เด็กคนหนึ่งในบรรดาเด็กสอง
คนนั้นว่า   อุปติสสะ   เพราะเกิดในอุปติสสคาม   และตั้งชื่อเด็กอีกคนหนึ่งว่า
โกลิตะ  เพราะเกิดในโกลิตคาม   ก็ในวันเดียวกันเหมือนกัน   เด็กทั้งสองนั้น
เป็นสหายวิ่งเล่นมาด้วยกัน   ถึงความเจริญโดยลำดับ    สหายคนหนึ่ง ๆ  มีมาณพ
เป็นบริวารคนละ  ๕๐๐   สหายทั้งสองนั้น  เมื่อจะไปสู่อุทยานก็ตาม   สู่ท่าน้ำก็
ตาม   ย่อมไปพร้อมกับบริวารนั่นเอง  สหายคนหนึ่ง (อุปติสสะ) ไปด้วยวอทอง
๕๐๐  หลัง  สหายคนที่สอง (โกลิตะ) ไปด้วยรถเทียมม้าอาชาไนย  ๕๐๐ คัน.
         ก็  ณ  กาลครั้งนั้น    ในเมืองราชคฤห์ได้มีมหรสพบนยอดเขาในกาล
ตามลำดับกาล (ตามเทศกาล) ในเวลาเย็น  พวกชาวแคว้นอังคะและแคว้นมคธะ
ทั้งสิ้น  ซึ่งเป็นคนฉลาด  มีขัตติยราชกุมารเป็นต้น   ได้ประชุมกัน ณ สถานที่
นั้น  ในท่ามกลางพระนคร  ก็นั่งชมมหรสพชนิดต่าง ๆ อยู่บนสถานที่ทั้งหลาย
ที่ปูลาดไว้เป็นอย่างดี    มีเตียงและตั่งเป็นต้น.   ครั้งนั้น     สหายทั้งสองเหล่านั้น
พร้อมกับบริวาร  ก็ไปในที่นั้น    แล้วนั่งบนอาสนะทั้งหลายที่ปูลาดไว้  มีเตียง
และตั่งเป็นต้น    ชมมหรสพอยู่ได้มีความคิดว่า  ยังไม่ถึงร้อยปีในระหว่างนี้ก็จัก
ตายดังนี้. ความตายได้มาปรากฏแก่อุปติสสะนั้นประดุจจับอยู่ที่หน้าผาก.  ความ
คิดเช่นเดียวกันนี้ก็ได้เกิดขึ้นแก่โกลิตมาณพเช่นกัน.     เมื่อนักฟ้อนทั้งหลายมี
จำนวนมิใช่น้อยฟ้อนรำอยู่     จิตใจของสหายทั้งสองนั้นมิได้น้อมไปในเหตุแม้
สักว่าจะดู  โดยที่แท้ความสังเวชเท่านั้นเกิดขึ้น.
         ลำดับนั้น    เมื่อมหรสพเลิกแล้ว     บริษัทหลีกไปแล้ว     เมื่อสหายทั้ง
หลายเหล่านั้นพร้อมกับบริวารหลีกไปแล้ว  โกลิตะจึงได้ถามอุปติสสะว่า เพื่อน
หน้า ๒๖๓