๒๖๕    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๖๗
แล้วนั้นแล   ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ภิกษุทั้งหลาย  เดี๋ยวนี้เธอทั้งหลายนั่ง
สนทนากันด้วยเรื่องอะไร.    ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นได้ทูลบอกความเป็นไปนั้น.
ลำดับนั้น   พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย พระสารีบุตรหาได้นอบ
น้อมทิศไม่   เธอได้รู้พระศาสนาเพราะอาศัยผู้ใด    เธอจึงได้ไหว้นมัสการนอบ
น้อมผู้นั้น     ซึ่งเป็นอาจารย์ของตน  ภิกษุทั้งหลาย  สารีบุตรเป็นผู้บูชาอาจารย์
ดังนี้แล้ว  เพื่อจะแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายผู้ประชุมกันแล้วในที่นั้น      จึงได้
ตรัสพระสูตรนี้.
         ในบรรดาบททั้งหลายเหล่านั้น    บาทพระคาถาว่า  ยสฺมา  หิ    ธมฺมํ
ปุริโส  วิชญฺา  ความว่า บุคคลฟังแล้วซึ่งปริยัติธรรม  อันต่างด้วยปิฎกสาม
หรือว่าฟังแล้วซึ่งปฏิเวธธรรมอันต่างโดยโลกุตรธรรมเก้า      ที่บุคคลฟังปริยัติ-
ธรรมแล้วจะพึงบรรลุ  จากบุคคลใด  คือพึงรู้แจ้งคือว่าพึงทราบ.
         พระบาลีว่า  วิเทยฺย  ดังนี้ก็มี  เนื้อความนั้นก็เหมือนกัน.
         บาทคาถาว่า  อินฺทํว  นํ  เทวตา  ปูชเยยฺย   ความว่า   เทวดาทั้ง
หลายในเทวโลกทั้งสอง   ย่อมบูชาท้าวสักกะจอมเทพฉันใด    บุคคลนั้นลุกขึ้น
แต่เช้าตรู่แล้ว    เมื่อกระทำวัตรปฏิบัติทั้งปวง   มีการถอดรองเท้าเป็นต้น   พึง
บูชา  ได้แก่  พึงสักการะ  เคารพบุคคลนั้น.
         ถามว่า  เพราะเหตุไร ?
         ตอบว่า  อาจารย์นั้นผู้เป็นพหูสูตอันอันเตวาสิกบูชาแล้ว มีจิตเลื่อมใส
ในอันเตวาสิกนั้น    ย่อมชี้แจงธรรมให้แจ่มเเจ้ง.
หน้า ๒๖๖