| บัดนี้ เมื่อจะกระทำเนื้อความแห่งพระคาถานั้นนั่นแลให้ปรากฏ พระ- |
| ผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสพระคาถาว่า ยถา นโร ดังนี้เป็นต้น. |
| ในคำทั้งหลายเหล่านั้น คำว่า อาปคํ ได้แก่ แม่น้ำ. |
| บทว่า มโหทกํ ได้แก่ น้ำมาก. |
| บทว่า สลิลํ ได้แก่ ไหลไปแล้วจากที่นี้และที่นี้ มีคำอธิบายว่า |
| แผ่กว้างออกไป. พระบาลีว่า สริตํ (ไหลไป) ดังนี้ก็มี เนื้อความก็อย่างนั้น |
| เหมือนกัน. |
| บทว่า สีฆโสตํ ได้แก่ พัดพาสิ่งที่ควรพัดพาไปได้ มีคำอธิบายว่า |
| ไหลไปด้วยกำลังแรง. โส อักษร ในคำนี้ว่า กึ โส และด้วย โส อักษร |
| นี้ว่า โส วุยฺหมาโน เป็นคำสักว่านิบาต เพราะเป็นคำแสดงถึงนระนั้น |
| เป็นคำที่ท่านอธิบายว่า กสุ เหมือนประโยคว่า น ภวิสฺสามิ นาม โส |
| วินสฺสิสฺสามิ นาม โส (ข้าพเจ้าชื่อว่าจักไม่เป็น ข้าพเจ้าแลชื่อว่าจักฉิบหาย |
| ละสิ) |
| บทว่า ธมฺมํ ได้แก่ ธรรมสองอย่างที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้นนั้นเอง. |
| บทว่า อนิสามยตฺถํ ได้แก่ ไม่ใคร่ครวญแล้วซึ่งเนื้อความ. |
| คำที่เหลือในพระคาถานี้ โดยบทปรากฏชัดแล้วทั้งนั้น ส่วนโดย |
| อธิบาย ผู้ศึกษาพึงทราบเนื้อความในพระคาถานี้ อย่างนี้ว่า นรชนคนใด |
| คนหนึ่ง ลงสู่แม่น้ำมีประการดังกล่าวมาแล้ว อันแม่น้ำนั้นพัดไปอยู่ ไปตาม |
| กระแสน้ำ คือว่า ไปตามอยู่ซึ่งกระแสน้ำนั้นเอง จักสามารถเพื่อจะทำบุคคล |
| อื่นที่อยู่บนฝั่ง คือว่าจักอาจเพื่อจะทำบุคคลอื่นให้ฝั่งได้อย่างไร ฉันใด |
| พระบาลีว่า สกฺกติ ดังนี้ก็มี. |