๒๖๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๗๐
         บัดนี้  เมื่อจะกระทำเนื้อความแห่งพระคาถานั้นนั่นแลให้ปรากฏ  พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสพระคาถาว่า  ยถา  นโร  ดังนี้เป็นต้น.
         ในคำทั้งหลายเหล่านั้น  คำว่า  อาปคํ  ได้แก่  แม่น้ำ.
         บทว่า  มโหทกํ  ได้แก่  น้ำมาก.
         บทว่า    สลิลํ    ได้แก่  ไหลไปแล้วจากที่นี้และที่นี้    มีคำอธิบายว่า
แผ่กว้างออกไป.  พระบาลีว่า  สริตํ  (ไหลไป) ดังนี้ก็มี  เนื้อความก็อย่างนั้น
เหมือนกัน.
         บทว่า  สีฆโสตํ  ได้แก่ พัดพาสิ่งที่ควรพัดพาไปได้   มีคำอธิบายว่า
ไหลไปด้วยกำลังแรง.  โส  อักษร  ในคำนี้ว่า  กึ  โส  และด้วย  โส  อักษร
นี้ว่า  โส  วุยฺหมาโน    เป็นคำสักว่านิบาต    เพราะเป็นคำแสดงถึงนระนั้น
เป็นคำที่ท่านอธิบายว่า   กสุ  เหมือนประโยคว่า  น   ภวิสฺสามิ  นาม   โส
วินสฺสิสฺสามิ  นาม  โส (ข้าพเจ้าชื่อว่าจักไม่เป็น  ข้าพเจ้าแลชื่อว่าจักฉิบหาย
ละสิ)
         บทว่า   ธมฺมํ  ได้แก่   ธรรมสองอย่างที่กล่าวไว้แล้วในตอนต้นนั้นเอง.
         บทว่า  อนิสามยตฺถํ  ได้แก่ ไม่ใคร่ครวญแล้วซึ่งเนื้อความ.
         คำที่เหลือในพระคาถานี้    โดยบทปรากฏชัดแล้วทั้งนั้น    ส่วนโดย
อธิบาย    ผู้ศึกษาพึงทราบเนื้อความในพระคาถานี้   อย่างนี้ว่า    นรชนคนใด
คนหนึ่ง   ลงสู่แม่น้ำมีประการดังกล่าวมาแล้ว  อันแม่น้ำนั้นพัดไปอยู่  ไปตาม
กระแสน้ำ  คือว่า  ไปตามอยู่ซึ่งกระแสน้ำนั้นเอง  จักสามารถเพื่อจะทำบุคคล
อื่นที่อยู่บนฝั่ง    คือว่าจักอาจเพื่อจะทำบุคคลอื่นให้ฝั่งได้อย่างไร    ฉันใด
พระบาลีว่า  สกฺกติ  ดังนี้ก็มี.
หน้า ๒๖๙