๒๗๐    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๗๒
         บทว่า  เวทคู  ได้แก่  มรรคญาณทั้งสี่  กล่าวคือการรู้.
         บทว่า  ภาวิตตฺโต  ได้แก่  มีจิตอันมรรคภาวนานั้นนั่นแลอบรมแล้ว.
         บทว่า  พหุสฺสุโต   ได้แก่  มีนัยอันกล่าวแล้วในกาลก่อน.
         บทว่า  อเวธธมฺโม    ได้แก่   เป็นผู้ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้ง  ๘
เป็นสภาพ.
         คาถาว่า  โสตาวธานูปนิสูปปนฺเน ได้แก่ ได้เกิดขึ้นแล้วโดยการเงี่ย
โสตลงสดับ  และด้วยอุปนิสัยแห่งมรรคและผลทั้งหลาย.  คำที่เหลือมีเนื้อความ
เข้าใจง่ายทั้งนั้น    แม้โยชนาในการอธิบาย    ก็สามารถจะให้ทราบชัดได้โดยนัย
ที่กล่าวแล้วในตอนต้นนั้นแล  เพราะฉะนั้น  ข้าพเจ้าจึงไม่ต้องอธิบายให้พิสดาร.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า   ครั้นตรัสอุปมามีเนื้อความ   คือการกระทำความ
เป็นผู้สามารถ   เพื่อจะให้ผู้อื่นเพ่งพินิจถึงบัณฑิตให้ปรากฏ  อย่างนี้แล้ว   เมื่อ
จะทรงประกอบไว้ด้วยการคบบัณฑิตนั้น  จึงตรัสพระคาถาสุดท้ายนี้ว่า  ตสฺมา
หเว  ดังนี้เป็นต้น.
         เนื้อความย่อในพระคาถาสุดท้ายนั้น  มีดังต่อไปนี้ :-
         เพราะเหตุที่ชนทั้งหลาย  ผู้ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย  ย่อมบรรลุคุณวิเศษ
ได้ด้วยการคบบัณฑิต  ฉะนั้นแล  บุคคลพึงคบสัตบุรุษ.   ถามว่า  คบสัตบุรุษ
เช่นไร.  ตอบว่า บุคคลพึงคบสัตบุรุษผู้มีปัญญาด้วย  ผู้เป็นพหุสูตด้วย  คือว่า
ผู้มีปัญญา    ด้วยความถึงพร้อมแห่งปัญญา   และผู้เป็นพหูสูตด้วยมีสุตะทั้งสอง
ประการตามที่กล่าวแล้ว    เพราะบุคคลนั้นเมื่อคบผู้มีปัญญาเช่นนั้นอยู่    รู้แล้ว
ซึ่งธรรมที่ผู้นั้นกล่าวแล้ว    และทราบแล้วซึ่งอรรถ  (ผล)  อย่างนี้     ปฏิบัติ
หน้า ๒๗๑