๒๗๕    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๗๗
         บาทพระคาถาว่า  นโร  สมฺมา  นิวิฏฺ€สฺส  ความว่า นระเป็นผู้ยินดี
แล้ว  คือว่า  พึงเป็นผู้ดำรงอยู่แล้วโดยชอบในพระศาสนา.
         บาทพระคาถาว่า  อุตฺตมตฺถญฺจ  ปาปุเณ   มีคำอธิบายว่า  และพึง
บรรลุพระอรหัต   อันเป็นประโยชน์สูงสุดกว่าประโยชน์ทั้งปวง.
         ต่อจากนั้น   พระผู้มีพระภาคเจ้า   ทรงรำพึงอยู่ว่า   สารีบุตรบวชแล้ว
ได้กึ่งเดือน  ก็บรรลุสาวกบารมีญาณ   เพราะเหตุไรจึงถามปุถุชนปัญหาอันเป็น
อาทิกัมมิกะจึงทรงทราบว่า  พระสารบุตรทูลถามปรารภ  สัทธิวิหาริก  จึงไม่ได้
ทรงจำแนกจารีตศีล     ที่พระสารีบุตรกล่าวด้วยคำถามเลย     เมื่อจะทรงแสดง
ธรรมด้วยสามารถสัปปายะแก่ภิกษุนั้น   จึงตรัสพระคาถาว่า   วุฑฺฒาปจายี  ดัง
นี้เป็นต้น   วุฑฒบุคคล  ทั้งหลายในคำว่า   วุฑฺฒาปจายี  นั้นมี  ๔  จำพวก
คือ  ปัญญาวุฑฒบุคคล ๑  คุณวุฑฒบุคคล ๑  ชาติวุฑบุคคล ๑   วุฑฒ-
บุคคล ๑.
         จริงอยู่   ภิกษุที่เป็นพหูสูต  แม้โดยกำเนิดจะเป็นคนหนุ่มก็ตาม  ก็ชื่อ
ว่า    ปัญญาวุฑฒะได้  เพราะเป็นผู้เจริญแล้ว   ด้วยปัญญา คือ พาหุสัจจะใน
สำนัก (ในระหว่าง) แห่งภิกษุเเก่ผู้มีการศึกษาน้อยทั้งหลาย   ด้วยว่าแม้ภิกษุแก่
ทั้งหลายเรียนอยู่ซึ่งพุทธวจนะ     ในสำนักของภิกษุหนุ่มนั้น     และหวังอยู่ซึ่ง
โอวาท    การวินิจฉัยความ   และการแก้ปัญหาทั้งหลาย   อนึ่ง  ภิกษุหนึ่งที่ถึง
พร้อมด้วยอธิคม   (บรรลุคุณวิเศษมีฌานและมรรคผลเป็นต้น )   ชื่อว่า   คุณ
วุฑฒะ   ผู้เจริญโดยคุณ   ด้วยว่าแม้ภิกษุแก่ทั้งหลาย    ดำรงอยู่ในโอวาทของ
ภิกษุหนุ่มนั้นแล้ว   เจริญวิปัสสนาแล้ว   ย่อมบรรลุอรหัตผลได้.
หน้า ๒๗๖