๒๗๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๗๘
         อนึ่ง  พระราชาผู้เป็นกษัตริย์   แม้ทรงพระเยาว์    เป็นกษัตริย์ผู้ได้รับ
มุรธาภิเษกแล้ว   หรือจะเป็นพราหมณ์ก็ตาม  ก็เป็นผู้ควรแก่การกราบไหว้ของ
ชนที่เหลือ  ชื่อว่า  ชาติวุฑฒะ  ผู้เจริญโดยชาติ.
         ส่วนคนที่เกิดก่อนทุกจำพวก  ชื่อว่า  วัยวุฑฒะ ผู้เจริญโดยวัย.
         ในบรรดาวุฑฒบุคคล  ๔  จำพวกเหล่านั้น   เว้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสีย
แล้ว   ใคร ๆ  ผู้จะเสมอด้วยพระสารีบุตรเถระในทั้งปัญญาย่อมไม่มี   เพราะ
เหตุที่ท่านได้บรรลุสาวกบารมีญาณทั้งปวง   พร้อมด้วยคุณทั้งหลายในเวลาครึ่ง
เดือน  พระสารีบุตรนั้น     แม้โดยชาติสกุล  ก็อุบัติแล้วในสกุลพราหมณ์มหาศาล
พระสารีบุตรนั้น   แม้จะเสมอกันโดยวัยกับภิกษุนั้น (ผู้เป็นสหายของท่าน) ก็ชื่อ
ว่าเจริญแล้ว     ด้วยเหตุทั้ง   ๓  ประการเหล่านี้      ส่วนในพระคาถานี้พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสว่า  วุฑฺฒาปจายี   ทรงหมายเอาการที่พระสารีบุตรนั้น   เป็น
ผู้เจริญแล้ว    ด้วยปัญญาวุฒิและคุณวุฒิทั้งหลายนั่นเอง    บุคคลจึงควรกระทำ
ความยำเกรงต่อวุฑฒบุคคลทั้งหลายเช่นนั้น       บุคคลพึงเป็นผู้ชื่อว่าไม่ริษยา
เพราะปราศจากความริษยาในอิฏฐผลทั้งหลายมีลาภเป็นต้น      ของวุฑฒบุคคล
ทั้งหลายเหล่านั้นนั่นแล  เพราะฉะนั้น   เนื้อความนี้จึงเป็นการอธิบายบทต้น.
         ส่วนในคำว่า   กาลญฺญู  จสฺส  นี้มีอธิบายว่า  บุคคลเมื่อราคะบังเกิด
ขึ้นแล้ว   แม้ไปหาครูทั้งหลายอยู่   เพื่อจะบรรเทาราคะนั้น     ก็ชื่อว่า  กาลฺญู
เมื่อโทสะบังเกิดขึ้น  เมื่อโมหะบังเกิดขึ้น ฯลฯ  เมื่อโกสัชชะบังเกิดขึ้น  แม้ไป
หาครูทั้งหลายเพื่อจะบรรเทาอกุศลธรรมนั้น  ๆ   ก็ชื่อว่า  กาลญฺญู   ผู้รู้กาล
เพราะบุคคลจะพึงเป็นกาลัญญูได้  ก็เพราะไปหาครูทั้งหลายอย่างนี้.
หน้า ๒๗๗