๒๗๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๗๙
         สองบทว่า  ธมฺมึ  กถํ  ได้แก่  ประกอบด้วยสมถะและวิปัสสนา
         บทว่า  เอรยิตํ  คือ  กล่าวแล้ว.
         บทว่า   ขณญฺญู   ได้แก่  รู้อยู่ว่า  บุคลลผู้รู้ขณะแห่งถ้อยคำนั้น   เป็น
บุคคลหาได้ยาก  หรือว่า  นี้เป็นขณะแห่งการฟังซึ่งถ้อยคำเช่นนี้.
         สองบทว่า    สุเณยฺย   สกฺกจฺจํ   ได้แก่  พึงพึงถ้อยคำนั้นโดยเคารพ.
อธิบายว่าบุคคลจะพึงฟังถ้อยคำนั้นอย่างเดียวก็หามิได้  แม้ถ้อยคำอื่นเป็นสุภาษิต
อันปฏิสังยุตด้วยพุทธคุณเป็นต้น   บุคคลก็พึงฟังโดยเคารพเช่นกัน.
         ในบาทคาถาว่า  กาลญฺญู   จสฺส  ครูนํ  ทสฺสนาย   นี้   มีวินิจฉัย
ดังต่อไปนี้.
         ภิกษุแม้ทราบนัยที่ท่านกล่าวไว้ในคำนี้ว่า  กาลญฺญู  จสฺส  ครูนํ
ทสฺสนาย  และทราบการบรรเทาราคะเป็นต้น  ที่บังเกิดขึ้นแล้วแก่ตน เมื่อไปสู่
สำนักของครูทั้งหลาย  ก็พึงไปสู่สำนักของครูทั้งหลายโดยกาลอันสมควร   โดย
กระทำไว้ในใจว่า  เราจักบำเพ็ญกรรมฐาน  และจักเป็นผู้รักษาธุดงค์   มิใช่เห็น
อาจารย์ยืนอยู่แล้ว  ณ  ถามที่ใดที่หนึ่งในบรรดาที่ทั้งหลาย    มีที่ไหว้พระเจดีย์
ที่ลานต้นโพธิ์   ทางเที่ยวบิณฑบาต  และเวลาเที่ยงตรงเป็นต้น   แล้วพึงเข้าไป
เพื่อถามปัญหา     แต่พึงกำหนดอาจารย์ผู้นั่งอยู่แล้วบนอาสนะของตนในเสนา-
สนะของตน  ซึ่งมีความกระวนกระวายอันสงบเเล้ว    เข้าไปหาเพื่อถามวิธีแห่ง
กรรมฐานเป็นต้น   ก็ภิกษุแม้เมื่อเข้าไปหาอย่างนี้แล้ว   ทำความหัวดื้อให้พินาศ
แล้ว     เป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อม     คือว่าทำมานะที่กระทำความแข็งกระด้างให้
พินาศแล้ว  มีความประพฤติถ่อมตน  เป็นผู้เช่นกับผ้าเช็ดเท้า  โคเขาขาด  และ
หน้า ๒๗๘