๒๘๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๘๓
ฟังสุภาษิตทั้งหลายของบุคคลเห็นปานนั้นโดยเคารพ   ดังนี้เป็นต้น     จัดว่าเป็น
โอวาทที่ไร้ประโยชน์   เพราะฉะนั้น    บัดนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงแสดง
ความที่บุคคลนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญ  มีสุตะเป็นอัน   แห่งสังกิเลสนี้ด้วย
เทศนาอันเป็นบุคลาธิษฐาน  จึงตรัสพระคาถานี้ว่า   วิญฺาตสารานิ   ดังนี้
เป็นต้น.
         เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า      ก็สาระจะพึงมีได้     ก็เพราะรู้แจ้ง
สุภาษิตทั้งหลายที่ปฏิสังยุตด้วยสมถะและวิปัสสนา     ถ้าหากว่าสุภาษิตเหล่านั้น
อันภิกษุรู้แจ้งได้ก็เป็นการดี  (ถ้าหากไม่รู้แจ้งได้)  เมื่อเป็นเช่นนั้น      คำสักว่า
เสียงเท่านั้น    อันบุคคลนั้นถือเอาแล้ว   เขาจะทำอะไรไม่ได้เลย    ชนทั้งหลาย
ย่อมรู้แจ้งซึ่งสุภาษิตเหล่านี้ด้วยญาณอันสำเร็จด้วยสุตะใด       ญาณที่สำเร็จด้วย
สุตะนั้น    ชื่อว่าสุตญาณที่สำเร็จด้วยสุตะนี้แล  ชื่อว่า    วิญญาตสมาธิสาระ
รู้แจ้งสมาธิสาระ.
         ในบรรดาธรรมทั้งหลายที่บุคคลรู้แจ้งแล้วเหล่านั้น  ๆ   สมาธิใด   คือ
ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต   ก็เป็นข้อปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น    นี่คือสาระของ
สมาธินั้น    ก็ด้วยเหตุสักว่ารู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  หาสำเร็จประโยชน์อะไรไม่
แต่ว่านระนี้ใดชื่อว่า  เป็นคนผลุนผลัน   เพราะความเป็นไปด้วยอำนาจราคะเป็น
ต้น     และชื่อว่า  ประมาท   เพราะมีปกติทำไม่ติดต่อในการอบรมกุศลธรรมทั้ง
หลายเป็นต้น   บุคคลนั้นเป็นผู้ถือเอาสักว่าเสียงเท่านั้น     เพราะเหตุนั้น  ปัญญา
คือการรู้แจ้งสุภาษิตนั้น      จะเจริญแก่บุคคลนั้นหาได้ไม่     เพราะเขาไม่รู้แจ้ง
ซึ่งเนื้อความ     ทั้งสุตะก็หามีแก่เขาไม่     เพราะไม่มีข้อปฏิบัติเพื่อความเป็น
อย่างนั้น.
หน้า ๒๘๒