| เข้าถึงแล้ว (ซึ่งสารธรรม) แห่งสุตะและปัญญา เท่านั้นเป็นคำที่ถูกต้อง ตาม |
| ความประสงค์. |
| บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สนฺติ ได้แก่ นิพพาน. |
| บทว่า โสรจฺจํ หมายถึงปัญญาที่เป็นตัวแทงตลอดสภาวธรรมตาม |
| ความเป็นจริง เพราะความเป็นผู้ยินดีในธรรมที่ดีงาม ความดีงามด้วยสันติ |
| มีอยู่ เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า สันติโสรัจจะ คำว่า สันติโสรัจจะนี้ เป็นชื่อ |
| แห่งมรรคปัญญา อันมีพระนิพพานเป็นอารมณ์. |
| คำว่า สมาธิ ได้แก่ มรรคสมาธิ ที่สัมปยุตด้วยนิพพานนั้น. |
| คำว่า สณฺิตา ได้แก่ ดำรงอยู่แล้วด้วยธรรมทั้งสองอย่างนั้น. |
| วิมุตติ คืออรหัตผล ชื่อว่า สาระแห่งแห่งสุตะและปัญญา ด้วยว่า |
| พรหมจรรย์นี้มีวิมุตติเป็นสาระ. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงปฏิปทาอันเป็นส่วนเบื้องต้น ด้วย |
| ธรรมะ และแสดงปฏิปทาอันเป็นส่วนอื่นด้วยขันธ์แม้ทั้ง ๓ เหล่านี้ คือ ศีลขันธ์ |
| เป็นต้นว่า อนุตฺตรา วจสา ซึ่งปัญญาขันธ์ และสมาธิขันธ์ ด้วยปัญญาที่ |
| งาม ด้วยสันติ และด้วยสมาธิ ในคาถาสุดท้ายนี้อย่างนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดง |
| วิมุตติที่ไม่กำเริบด้วยสุตะ และปัญญาอันเป็นสาระ จึงให้พระเทศนาจบลงด้วย |
| ยอดคือพระอรหัต. |
| ก็ในที่สุดแห่งพระเทศนา ภิกษุรูปนั้น ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล ต่อมา |
| อีกไม่นานนัก ก็ได้ดำรงอยู่ในพระอรหัต อันเป็นผลที่เลิศ ดังนี้แล. |
| จบการพรรณนากิงสีลสูตร แห่งอรรถกถาขุททกนิกาย |
| ชื่อปรมัตถโชติกา |