๒๘๓    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๘๕
เข้าถึงแล้ว  (ซึ่งสารธรรม)   แห่งสุตะและปัญญา   เท่านั้นเป็นคำที่ถูกต้อง   ตาม
ความประสงค์.
         บรรดาบทเหล่านั้น  บทว่า  สนฺติ  ได้แก่ นิพพาน.
         บทว่า   โสรจฺจํ   หมายถึงปัญญาที่เป็นตัวแทงตลอดสภาวธรรมตาม
ความเป็นจริง    เพราะความเป็นผู้ยินดีในธรรมที่ดีงาม    ความดีงามด้วยสันติ
มีอยู่   เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า   สันติโสรัจจะ  คำว่า  สันติโสรัจจะนี้   เป็นชื่อ
แห่งมรรคปัญญา  อันมีพระนิพพานเป็นอารมณ์.
         คำว่า สมาธิ  ได้แก่  มรรคสมาธิ   ที่สัมปยุตด้วยนิพพานนั้น.
         คำว่า  สณฺ€ิตา  ได้แก่ ดำรงอยู่แล้วด้วยธรรมทั้งสองอย่างนั้น.
         วิมุตติ  คืออรหัตผล   ชื่อว่า   สาระแห่งแห่งสุตะและปัญญา  ด้วยว่า
พรหมจรรย์นี้มีวิมุตติเป็นสาระ.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า  ครั้นทรงแสดงปฏิปทาอันเป็นส่วนเบื้องต้น   ด้วย
ธรรมะ  และแสดงปฏิปทาอันเป็นส่วนอื่นด้วยขันธ์แม้ทั้ง ๓ เหล่านี้  คือ ศีลขันธ์
เป็นต้นว่า  อนุตฺตรา  วจสา  ซึ่งปัญญาขันธ์   และสมาธิขันธ์  ด้วยปัญญาที่
งาม  ด้วยสันติ  และด้วยสมาธิ    ในคาถาสุดท้ายนี้อย่างนี้แล้ว  เมื่อจะทรงแสดง
วิมุตติที่ไม่กำเริบด้วยสุตะ   และปัญญาอันเป็นสาระ จึงให้พระเทศนาจบลงด้วย
ยอดคือพระอรหัต.
         ก็ในที่สุดแห่งพระเทศนา  ภิกษุรูปนั้น  ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล   ต่อมา
อีกไม่นานนัก  ก็ได้ดำรงอยู่ในพระอรหัต  อันเป็นผลที่เลิศ  ดังนี้แล.
              จบการพรรณนากิงสีลสูตร  แห่งอรรถกถาขุททกนิกาย
                                      ชื่อปรมัตถโชติกา
หน้า ๒๘๔