๒๙๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๙๘
ซึ่งประทีปคือญาณ    และประทีปคือธรรมเทศนา   อันเธอนอบน้อมต่อมนุษย์
ทั้งหลายหรือ   ต่อว่าอันเธอบูชาแล้วเป็นนิจแลหรือ  ดังนี้.
         เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว   ท่านพระราหุล   เมื่อจะแสดง
ว่า    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า      ข้าพระองค์หาได้กระทำการถือตัวหรือการ
เย่อหยิ่ง    เพราะเหตุที่อยู่ร่วมกัน     เหมือนกับคนต่ำต้อยดูถูกท่านผู้ฉลาดไม่
จึงได้กราบทูลคาถาตอบนี้ว่า  นาหํ  อภิณฺหสํวาสา  ดังนี้.  คาถาตอบนั้นมี
เนื้อความง่ายทั้งนั้น.
         ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาคเจ้า  เมื่อจะทรงโอวาทพระราหุลเถระนั้น ให้
ยิ่งขึ้น  จึงได้ตรัสพระคาถาที่เหลือทั้งหลายว่า  ปญฺจ  กามคุเณ  ดังนี้เป็นต้น
         ในพระคาถาที่เหลือนั้น  บัณฑิตพึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
         เพราะเหตุที่กามคุณทั้ง  ๕  มีรูปเป็นที่รัก   มีชาติเป็นที่รัก    สำหรับ
สัตว์ทั้งหลาย    อันสัตว์ทั้งหลายปรารถนาต้องการยิ่งนัก    และใจของสัตว์เหล่า
นั้นก็ยินดี   ก็ท่านพระราหุลละกามคุณเหล่านั้นแล้ว      ออกจากพระราชวังด้วย
ศรัทธา  หาใช่พระราชาทรงนำออกไม่  หาใช่โจรนำออกไปไม่   ไม่ใช่ผู้ที่เป็น
หนี้   ไม่ใช่ผู้ที่กลัวภัย  ไม่ใช่ผู้ที่บวชเพื่อเลี้ยงชีวิต   พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรง
ยังพระราหุลนั้น  ให้ทรงกล้าหาญด้วยพระดำรัสที่ว่า เธอออกจากพระราชวังด้วย
ศรัทธาดังนี้   ก็เพราะท่านละกามคุณทั้ง  ๕    อันเป็นปิยรูป   และเป็นที่รื่นรมย์
แห่งใจได้แล้ว    เมื่อจะทรงชักชวนในการปฏิบัติที่สมควรแก่เนกขัมมะนี้    จึง
ตรัสว่า  เธอจงเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์เถิด  ดังนี้.
         ในคำว่า  พระราหุลออกบวชด้วยศรัทธา  ดังนี้นั้น   หากจะพึงมีคำถาม
สอดเข้ามาว่า   ก็ท่านผู้มีอายุ    ปรารถนาอยู่ซึ่งรัชสมบัติอัน พระผู้มีพระภาคเจ้า
หน้า ๒๙๗