| ซึ่งประทีปคือญาณ และประทีปคือธรรมเทศนา อันเธอนอบน้อมต่อมนุษย์ |
| ทั้งหลายหรือ ต่อว่าอันเธอบูชาแล้วเป็นนิจแลหรือ ดังนี้. |
| เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระราหุล เมื่อจะแสดง |
| ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์หาได้กระทำการถือตัวหรือการ |
| เย่อหยิ่ง เพราะเหตุที่อยู่ร่วมกัน เหมือนกับคนต่ำต้อยดูถูกท่านผู้ฉลาดไม่ |
| จึงได้กราบทูลคาถาตอบนี้ว่า นาหํ อภิณฺหสํวาสา ดังนี้. คาถาตอบนั้นมี |
| เนื้อความง่ายทั้งนั้น. |
| ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงโอวาทพระราหุลเถระนั้น ให้ |
| ยิ่งขึ้น จึงได้ตรัสพระคาถาที่เหลือทั้งหลายว่า ปญฺจ กามคุเณ ดังนี้เป็นต้น |
| ในพระคาถาที่เหลือนั้น บัณฑิตพึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้. |
| เพราะเหตุที่กามคุณทั้ง ๕ มีรูปเป็นที่รัก มีชาติเป็นที่รัก สำหรับ |
| สัตว์ทั้งหลาย อันสัตว์ทั้งหลายปรารถนาต้องการยิ่งนัก และใจของสัตว์เหล่า |
| นั้นก็ยินดี ก็ท่านพระราหุลละกามคุณเหล่านั้นแล้ว ออกจากพระราชวังด้วย |
| ศรัทธา หาใช่พระราชาทรงนำออกไม่ หาใช่โจรนำออกไปไม่ ไม่ใช่ผู้ที่เป็น |
| หนี้ ไม่ใช่ผู้ที่กลัวภัย ไม่ใช่ผู้ที่บวชเพื่อเลี้ยงชีวิต พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรง |
| ยังพระราหุลนั้น ให้ทรงกล้าหาญด้วยพระดำรัสที่ว่า เธอออกจากพระราชวังด้วย |
| ศรัทธาดังนี้ ก็เพราะท่านละกามคุณทั้ง ๕ อันเป็นปิยรูป และเป็นที่รื่นรมย์ |
| แห่งใจได้แล้ว เมื่อจะทรงชักชวนในการปฏิบัติที่สมควรแก่เนกขัมมะนี้ จึง |
| ตรัสว่า เธอจงเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์เถิด ดังนี้. |
| ในคำว่า พระราหุลออกบวชด้วยศรัทธา ดังนี้นั้น หากจะพึงมีคำถาม |
| สอดเข้ามาว่า ก็ท่านผู้มีอายุ ปรารถนาอยู่ซึ่งรัชสมบัติอัน พระผู้มีพระภาคเจ้า |